10/05/2554

Telemarketing

วันนี้มีช่องทางสร้างอาชีพที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน ที่หลายคนไม่เคยรู้จัก มาให้ลองศึกษษกันดู ธุรกิจนั้นก็คือพนักงานเทเลมาร์เก็ตติ้ง ทำหน้าที่ขายบัตรสมาชิกวีไอพีของโรงแรม5ดาวระดับโลก เพียงคุณนั่งลงหน้าเครื่องโทรศัพท์ ยกหู แล้วเปิดการขาย แค่นี้ก็เป็นธุรกิจอิสระของคุณได้แล้ว เวลาการทำงานยืดหยุ่น แต่รายได้ดีมาก มาลองศึกษารายละเอียดและที่มากันดีกว่าว่าลักษณะงานเป็นยังไง
บริษัท เทเลไดเร็กเอเชีย จำกัด เป็นบริษัทธุรกิจให้บริการด้านเทเลมาร์เก็ตติ้งให้กับโรงแรมห้าดาวระดับโลกมานานเเล้วโดยลูกค้ารายแรกของเราคือโรงแรมแกรนไฮแอทเอราวัณ โรงแรมบันยันทรี โรงแรมสยามชิตี้กรุงเทพฯ และที่พัทยาเป็นต้น การทำงานของเรานั้นก็คือเราจะเป็นตัวเเทนโรงแรมต่างๆบเล่านนั้นการโทรศัพท์เชิญลูกค้าซึ่งก็เป็นกลุ่มลูกค้าระดับสูง เช่น บุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมระดับประเทศ ในแวดวงธุรร่วมเป็นสมาชิกวีไอพีของโรงแรมระดับ5ดาว ลูกค้ากลุ่มนี้ได้แวะเวียนเข้ามาทานอาหารและใช้บริการของโรงแรม และรับสิทธิประโยชน์พิเศษของสมาชิกวีไอพี

ปัจจุบันนี้มีลูกค้าทีเป็นสมาชิกวีไอพีอยู่ 8,000 ราย ซึ่งเรามีส่วนสร้างรายได้มหาศาลให้กับทางโรงแรม ต่างๆ เหล่านี้ และยังช่วยสร้างโอกาสเปิดช่องทางรายได้อย่างมากมายให้กับพนักงานขายของเราอีกด้วย

ปัจจุบันนี้งานด้านเทเลมาร์เก็ตติ้งนั้นได้รับการตอบรับที่ดีมากกระจุกตัวอยู่กับสินค้าบางประเภทเท่านั้น เช่น บริการเงิน หรือประกันชีวิต แต่สำหรับบริษัท เทเลไดเร็่กจำกัด ของเรานั้นเปรียบเสมือนเราใช้ระบบเทเลมาร์ทอง เพราะเราพบช่องทางที่จะสร้างรายได้ โดยการเชิญลูกค้าวีไอพีระดับที่อยู่ของประเทศมาทานอาหารที่บันยันทรี และโรงแรมสยามซิตึ้กรุงเทพฯ ในการทำงานเรานั้น เราลงทุนใช้ระบบสารสนเทศพร้อมซอฟท์แวที่ทันสมัย เรามีฐานข้อมูลลูกค้าคนระดับสูงในสังคมให้พนักงานใช้เพื่อโทรศัพท์ติดต่อได้เลย และโทรศัพยังเป็นระบบดิจิตอลที่สามารถบันทึกเสียงสนทนางานขายและลูกค้าได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เราสามารถนำไ eสนทนาระหว่างลูกค้าและพนักงานขายของเรามาศึกษาและประกอบการอบรมให้กับพนักงานเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิงขึ้น

สำหรับธุรกิจเทเลมาร์เก็ตติ้งขายบัตรสมาชิกวีไอพีระดับห้าดาวในประเทศไทยนั้น ธุรกิจนี้เข้ามาในเมืองไทยได้ประมาณสัก 15 ปีแล้ว ต้นตอเลยก็มาจากประเทศออสเสตรเลียแล้วแพร่หลายในประเทศไทย หลังจากที่ธุรกิจดำเนินไปอย่างได้ผล ตอนนี้มีโรงแรมใหญ่ๆ ในบ้านเราตอนนี้เขาเห็นความสำคัญระบบสมาชิกวีไอพี แล้วก็เลือกใช้บริการเทเลมาร์เก็ตติ้งของเราย่างต่อเนี่อง เพราะหากโรงแรมใดไม่ทำการตลาดระบบนี้ ธุรกิจส่วนของห้องอาหารของโรงแรมมักจะมียอดขายตก สู้กับโรงแรมอืนไม่ได้ด้วยเหตุนี้ระบบการขายแบบเทเลมาร์เก็ตติ้งจึงมีส่วนสำคัญในการเพิ่มยอดขายทางด้านอาหารและเครี่องดื่มให้กับโรงแรมต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเราได้รับความไว้วางใจจากโรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่งโดยเขาจะเชิญเป็นแพ็คเก็จดีๆ ให้เรานำเสนอขายให้กับลูกค้า เราก็มีหน้าทีนำเสนอแพ็ค
เหล่านั้นให้กับลูกค้าได้รับทราบอีกที ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นการใช้บริการของกลุ่มลูกค้านั้นเองและด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นเองจึงทำให้เป็นช่องทางสำหรับสร้างอาชีพอิสระแบบใหม่เสียทีไม่ต้องลงทุนและทำเงินเป็นกอบเป็นกำอย่างมากด้วยเหตุทีธุรกิจเทเลมาร์เก็ตติ้งในขณะทีรับความนิยมอย่างมาก จึงทำให้เราต้องมองหาบุคลากรเพื่อมาทำหน้าที่เป็นพนักงานเทเล มาร์เกตติ้งเพิ่มเติม ซึ่งการทำเทเลมาร์เก็ตติ้งนั้นจะว่าที่แล้วก็เปรียบเหมือนกับการทำธุรกิจส่วนตัวเพียงผู้ที่มาทำธุรกิจนี้ไม่ต้องควักเงินลงทุนสักบาทสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องนำมาลงทุนคือ เวลาและการฝึกฝน บริษัทฯมีฐานข้อมูลลูกคาไว้ให้พร้อมรายชื่อลูกค้าวีไอพีถูกแบ่งให้กับพนักงานแต่ละ8o
ดูแลแบบไม่ซ้ำกัน

**ข้อดีของธุรกิจนี้ก็คือ
ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนส่วนใหญเข้ามาทำงานกับเราสัก 1-2 อาทิตย์ และได้รับการเทรนด์งานจากเราแล้ว ก็จะสามารถทำงานได้เต็มที่เหมือนกันทุกคน ขยันทำงานมากรายไดัก็จะดีมาก อาชีพนั้นทำแล้วมีความสุขเพราะไม่ต้องลำบากเดินทางไปพบลูกค้า และได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศแถมยังมีเวลาส่วนตัวสำหรับไปรับส่งลูกได้ในขณะที่อาชีพอื่นๆ อาจไม่มีโอกาสแบบนี้ Telemarketing เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างอาชีพ ที่น่าสนใจมากๆ ไม่จำกัดเพศและวัย เพราะใช้เพียงการพูดคุยสื่อสารเท่านั้น

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เทเลไดเร็ค เอเชียจำกัด 239/2 อาคารลุมพินี1 ชั้น4 ห้อง41 ถ.ราชดำเนิน แขวงลุมพินี เขตประทุมวัน กรุงเทพฯ10330 โทร.02-664-5822ม02-664-5894

9/15/2554

เรียนทำอาหาร สร้างอาชีพ

วันนี้มีข่าวประชาสัมพันธ์มาฝากสำหรับคนที่สนใจอยากจะเข้าอบรมเพื่อสร้างงาน สร้างกิจการของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหาร สำหรับคนที่ฝันไว้ว่าจะเปิดร้านอาหารของตัวเอง วันนี้โอกาสมาถึงแล้ว โอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจอิสระของคุณอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมรีบเข้ารับการอบรมด่วน!


เรียนทำอาหาร สร้างอาชีพ
ภาพประกอบจาก prakard.com


สำหรับหลักสูตรที่เปิดสอนนั้นมีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะหลักสูตรด้านอาหารการกีน ซึ่งล้วน
แล้วแต่คัดสรรอาจารย์ผู้สอนมาแล้วว่า แต่ละท่านเป็นเจ้าของสูตร อดีตมืออาชีพจริงๆ และพร้อมที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์อย่างหมดเปลือก ไม่หวงวิชากันเลยทีเดียว โดยใช้เวลาเรียนเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น จะสามารถนำเอาสูตรที่เรียนนั้นไปประกอบอาชีพได้จริง เนื่องจากทุกวิชาที่เปิดสอนนั้นผู้เรียนมีโอกาสได้เรียนแบบประกบตัวต่อตัวกับอาจารย์ผู้สอนเลยทีเตียว ไม่เข้าใจอะไรก็สามารถสอบถามได้เดี๋ยวนั้น และที่สำคัญทุกคนมีโอกาสได้ลงมือทำเองกับมือ โดยมีอาจารย์คอยดูแลอยู่ข้างๆ อย่างใกลิชิด


หลักสูตร ที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้ก็คือการทำเป็ดย่าง หมูกรอบ หมูแดงที่สอนโดย อ.พรทิพย์ ใจแย้ม ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเรียนจบแล้วนำกลับไปประกอบอาชีพได้จริงแล้วหลายราย หรือว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ สูตรน้ำซุปมหัศจรรย์ ไปใช้เปิดร้านหารายได้เข้าสูตรเด็ดอร่อยโดนใจ เรียนแล้วนำเอาไปใช้เปิดร้านได้แน่นอน รับรองไม่ผิดหวัง สอนโดย อ.นเรศ เจ้าของสูตรใจดีที่จะคอยถ่ายทอดวิทยายุทธให้จนเก่ง แบบหมดเปลือก พร้อมเทคนีคการจัดการร้านอาหาร ที่จะถ่ายทอดให้แบบตัวต่อตัวจากประสบการณ์จริงและที่พลาดไม่ใด้เลยก็คือหลักสูตร หอยทอดที่ รสเด็ด อร่อยไม่เลี่ยน แป้งทอดกรอบนอกนุ่มในสอนโดย อ.แมว ท่าอิฐ เจ้าของสูตรที่จะมาเปิดเด็ดเคล็ดลับของการทำผัดไทย หอยทอดให้อร่อย สอนกันแบบจับมือสอนกันเลยทีเดียว หลัก สูตรนี้แค่เพียง 2,ooo บาท คุ้มเกินคุ้มเหมือนได้เปล่า นอกจากนี้ก็ยังมีหลักสูตรงานฝีมือ อย่าง งานเพ้นท์ ของ อาจารย์เปิ้ล ที่นอกจากนำไปใช้เป็นอาชีพได้แล้ว ยังจะผ่อนคลายความเครียดให้กับเราได้อีกและยังมีโปรแกรมการเรียนอีกหลากหลายหลักสูตรให้เลือกเรียนตามความสมัครใจ ดูได้จากตารางการอบรมต่อไป


สนใจเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่างๆ ก็ติดต่อจองที่เรียนได้ทุกวันที่ คุณนุช โทร. 0-2580-9516, 0-2580-7924,0-2953-0400, 08-1316-5095, 08-622-5097

8/03/2554

ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฉุ่ย

ธุรกิจ ประเภทอาหาร เป็นธุรกิจที่น่าลงทุน เพราะ ผู้บริโภคมีอยู่แล้ว ขอแค่ให้อร่อย สะอาด ราคาไม่แพง ธุรกิจก๋วยเตี๋ยวเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ยอดฮิต เพราะเป็นอาหารหลัก ที่เรากิน 1 ชามก็อิ่มสบายท้อง อยู่ได้
ไปแล้ว 1 มื้อ การจะทำก๋วยเตี๋ยวให่อร่อยไม่ใช่ว่าใครๆก็ทำได้ เพราะรสมือแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะฝึกทำก็พอทำได้ ถ้ามีความอดทนพยายาม เข้าใจวิธีการปรุง หากสนใจก๋วยเตี๋ยวที่ ผ่านการทดลองตลาดจนลูกค้าติดใจ อย่าง
"ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฉุ่ย" แล้วล่ะก็ วันนี้เป็นโอกาสดีเพราะ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฉุ่ยได้เปิดแฟรนไชส์ให้ผุ้ที่สนใจได้ร่วมลงทุนไม่ยาก ในราคาไม่แพง เน้นคุณภาพ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฉุ่ยมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 40 ปี ได้รับการ
ยอมรับจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 แห่ง ต้นกำเนิดของร้านอยู่ที่ซอยอารีย์ พหลโยธิน7 เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวได้ง่ายๆ

ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา-เย็นตาโฟ-ต้มยำ 3 รส-ต้มยำแห้ง-แห้งขลุกขลิก
มีความโดดเด่นเฉพาะตัว อาทิ
1.ยอดน้ำซุปปรุงรสสูตรพิเศษ..เคล็ดลับของตระกูล
2.ซอสเย็นตาโฟสูตรเฉพาะ..โดดเด่นไม่เหมือนใคร
3.เครื่องลูกชิ้นที่ทำจากเนื้อปลาชั้นดี
4.เครื่องปรุงรสที่ครบเครื่อง เน้นความหอมสดใหม่


รูปแบบการลงทุน
มีเพียงรูปแบบเดียวคือ เงินลงทุน 88,000 บาทเหมาะสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป จะเคยขายหรือไม่..ไม่สำคัญ
พร้อมอุปกรณ์พื้นฐาน 18 รายการที่เป็นรูปแบบเฉพาะ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เป็นแบบทำด้วยไม้(จำนวน 6 ชุด)

ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิพิเศษ คือ
1. ได้รับทธิชำระค่าแฟรนไชส์เพียงครั้งเดียวตลอดชีพ..ไม่มีเก็บรายเดือนอีก
2. ฝึกฝนเรียนรู้เคล็ดลับการทำก๋วยเตี๋ยวให้อร่อย ภายใต้สูตรสร้างชื่อของเราจนสามารถออกขายได้..อย่างมั่นใจ
3. ได้รับอุปกรณ์ส่งเสริมการขายที่โดดเด่นสะดุดตา ดังนี้
3.1 ป้ายสัญลักษณ์พลาสติก ขนาด 40 ซม. x 150 ซม. จำนวน 1 อัน
3.2 ป้ายฯกรอบวิทย์รวมภาพ จำนวน 1 อัน
3.3 ป้ายฯผ้าใบ ( รวมโลโก้ ) ขนาด 1 ม. x 3 ม. จำนวน 1 ผืน
3.4 กรอบรูปแสดงชื่อเสียง (กรอบวิทย์) จำนวน 2 อัน
3.5 เอี๊ยมสัญลักษณ์ + เสื้อยืด จำนวน 4 ตัว
3.6 ใบปลิวก่อนเปิดร้าน จำนวน 500 ใบ
4. ให้คำแนะนำปรึกษา..ฟรี! เกี่ยวกับอาชีพ..ตลอดการเป็นแฟรนไชส์
5. เครื่องมืออุปกรณ์

สิ่งที่จะได้รับ อุปรกรณ์การขายพื้นฐาน 18 รายการ ประกอบด้วย(1) รถเข็นพร้อมประกอบโครงวางป้ายฯ 1 คัน
(2) ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตู้
(3) หม้อทำก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ
(4) ตะกร้อลวกเส้น 2 อัน
(5) ทัพพีตักน้ำซุป 1 อัน
(6) โถใส่เครื่องปรุง 6 โถ
(7) ช้อนตวงเครื่องปรุง 4 อัน
(8) ช้อนตวงซอสเย็นตาโฟ 1 อัน
(9) กระบวยตักน้ำ 2 อัน
(10) โต๊ะพับ 4 ตัว
(11) เก้าอี้ 16 ตัว
(12) ชามก๋วยเตี๋ยว 40 ใบ
(13) ช้อน 40 คัน
(14) ตะเกียบ 40 คู่
(15) ที่ใส่ช้อน+ตะเกียบ 4 อัน
(16) พวงเครื่องปรุง 4 ชุด
(17) เมนูสี(เคลือบ) 4 อัน
(18) ถุงหูหิ้วมีโลโก้ 2 ห่อ


สนใจแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฉุ่ย
คุณวีรวิชญ์ เลิศสิริวิไล ( ฝ่ายประสานงานธุรกิจแฟรนไชส์ )
ที่อยู่ 30 ซอยอารีย์ ( เข้าซอย 150 ม. อยู่ขวามือ…ติดบ้านยสวดี ) พหลโยธิน 7 สามเสนใน เขตพญาไท กทม.10400
โทร. (088) 090-4001 , (088) 090-4002
โทรสาร 02-7336835 กด 0

7/21/2554

ขายน้ำอ้อยสด

สนใจขายน้ำอ้อนคั้นสดๆกันมั๊ยล่ะ ถ้า อยากเริ่มธุรกิจที่ดีมีมาฐาจลองแวะอ่านที่นี่ก่อนครับ น้ำอ้อยสด

ใครจะคิดบ้างว่า น้ำอ้อยคั้นสด จะมาเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่มียอดขายไม่น้อยในแต่ละปี ไอเดียการนำธุรกิจที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดเป็นเรื่องที่สำคัญมากธุรกิจธรรมดาๆที่เราเห็นจนชินตา แต่จะแตกต่างกันออกไป เมื่ออยุ่ในการบริหารของคนที่เข้าใจเรื่องการทำธุรกิจ

ขายน้ำอ้อยสด
ภาพจากraimaijon.com
ดังเช่น "น้ำอ้อยไร่ไม่จน" ที่ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2546 จากการร่วมทุนของเกษตกรชาวไร่อ้อย ตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

ที่เชี่ยวชาญการปลูกอ้อยมานาน กว่า 50 ปี โดยใช้ระบบชลประทานใต้ดินและการคัดสายพันธุ์อ้อยที่ดี และถูกต้องตามหลักวิชาการ จนประสบความสำเร็จเป็นอันดับ1 ในด้านการผลิตน้ำอ้อยสดพาสเจอร์ไรซ์ สามารถขายได้ทั่วประเทศและยังมีน้ำอ้อยสด ขายได้ตลอดทั้งปี เป็นเพราะประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทั้งหมดคือรากฐาน ของความเป็นเกษตรเชิงธุรกิจครบวงจรแบบพอเพียงของ น้ำอ้อยไร่ไม่จน วันนี้กำลังก้าวไปสู่มาตราฐานการผลิต GMP, HACCP และ HALAL ซึ่งเป็นระบบคุณภาพระดับสากล ที่ทั่วโลกยอมรับกัน


ทุกวันนี้น้ำอ้อยไร่ไม่จนไดัรับการยอมรับและมีการเผยแพร่ตามสื่อ ต่างๆเช่น รายการทีวี,นิตยสาร ฯลฯ
น้ำอ้อยไร่ไม่จนมีความแน่วแน่ที่จะทำเพื่อสิ่งเหล่านี้
-ให้เกษตรกรและพนักงานทุกคน ได้มีส่วนร่วมในระบบคุณภาพ
-ให้บริการสดสะอาดจากไร่ ตรงตามความต้องการของลูกค้าและได้ มาตราฐาน
-พัฒนาเกษตรกรและพนักงานอย่างต่อเนื่อง
-ส่งเสริมความรู้และให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี่ให้ทันสมัย

รายละเอียดน้ำอ้อยไร่ไม่จน
รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์น้ำอ้อยไร่ไม่จน
สินค้าที่ทางน้ำอ้อยไร่ไม่จน นำมาจำหน่ายนั้นจะเป็นนาอ้อยธรรมชาติ 100%

จุดเด่นของน้ำอ้อยไร่ไม่จน
คงเป็นเรื่องวัตถุดิบที่มีตลอดปีกับเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อร่างกายขบวนการผลิตสะอาดถูกหลักอนามัย สินค้ามีอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้นจึงตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคและผู้จัดจำหน่ายFranchise Policy
ทางบริษัทฯ มีนโยบายในการขายแฟรนไชนส์ โดยจะเน้นพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดสดและสถานศึกษาต่างๆ เป็นต้น เริ่มแรกได้กำหนดเขตขนส่งที่สะดวกก่อนคือ ราชบุรี, นครปฐม, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, นนทบุรี, ปทุมธานี และ กรุงเทพฯ

รูปแบบการลงทุนน้ำอ้อยไร่ไม่จน
คุณสมบัติของผู้ลงทุน

1. บุคคลธรรมดา (ต้องเป็นคนที่มีใจรักในเรื่องของการบริการ มีความอดทนละเอียดอ่อนในทุกๆ เรื่อง เพราะอาหารเป็นเรื่องของความสะอาดและมีผลต่อสุขภาพของผู้อื่น)
2. เป็นเจ้าของอาคารที่ดิน หรือ เป็นเจ้าของสิทธิ์การเช่าพื้นที่ขาย
3. มีความพร้อมในเรื่องของเงิน
4. มีความตั้งใจจริงกับธุรกิจและให้เวลาพอสมควร
5. ยอมรับเงื่อนไขต่างๆที่ทางบริษัทกำหนดให้

งบประมาณการลงทุน
1. ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ไม่มีการเก็บ
2. ค่าเปอร์เช็นต์งานขายรายปีไม่มี
3. ค่าอุปกรณ์งานขายโต๊ะ, เครื่องปั่นเกล็ด, ถังแช่, อื่นๆ จำนวน 110,000 บาท

อุปกรณ์ที่ได้หลักๆมีดังนี้
-เครื่องปั่นเกล็ดน้ำแข็งรุ่น 3 โถ
-โต๊ะ
-สินค้าสำหรับโปรโมท (น้ำอ้อย 20 กก.,วุ้นน้ำอ้อย 20 กก.,นม 10 กก.)
-แก้ว ( ขนาด 7,12,16 ออนล์)
-ชุดทำความสะอาด
-ถังแช่ผลิตภัณฑ์ขนาด 300 ลิตร


สนใจธุรกิจน้ำอ้อยไร่ไม่จน
โทรศัพท์ 0-97731745, 0-1400-7374
ดำเนินการโดย บริษัท น้ำอ้อยไร่ไม่จน จำกัด

7/06/2554

ขายกระเพาะปลา

กระเพาะปลา เป็นอาหารง่ายๆ ปรุงสุกพร้อมกิน ขายง่าย ไม่ต้องอาสัยเวลาปรุงอะไรยุ่งยากเหมาะกับคนยุคนี้ที่เวลาเป้นเรื่องสำคัญเพราะต้องเร่งรีบตลอดเวลา ลองทำกระเพาะปลาขึ้นรถเข็นเร่ขายก็น่าจะดี เพราะเป็นอาหารที่ลงทุนไม่มาก แต่ก็กำไรดี ทำขายที่ตลาดหรือขายในแหล่งชุมชนก็ได้ แต่ถ้าคุณจะทำขายหน้าบ้านได้ก็จะเป็นการประหยัดแรง

ขายกระเพาะปลา


ส่วนผสม กระเพาะปลา
กระเพาะปลา 1/2 กิโลกรัม
อกไก่ 1/2 กิโลกรัม
เลือดหมู 15 ก้อน
โครงไก่ 3 โครง
หน่อไม้ไผ่ตงต้มสุก 1 หน่อ
เห็ดหอมแห้ง 25 ดอก
แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด ละลายน้ำ 1 ถ้วย
ต้นหอม ผักชีหั่นหยาบ พอประมาณ
พริกไทย ซีอิ๊วขาว พอประมาณ
กระเทียม 1 112 หัว
พริกดองน้ำส้ม

วิธีทำ กระเพาะปลา
นำกระเพาะปลา ไปลวกน้ำร้อน 1 ครั้งก่อน แล้วล้างน้ำเย็นหลาย ๆ ครั้ง อย่าลืมบีบน้ำให้แห้ง

- นำเอา กระเทียม พริกไทย มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
- เห็ดหอมแห้ง ให้นำย่างไฟให้หอมก่อน หลังจากนั้นก็นำไปแช่น้ำให้พอง หั่นให้เป็นชิ้นบาง ๆ สำหรับน้ำที่แช่เห็ดหอม อย่า ทิ้ง
- อกไก่ และโครงไก่ ให้นำไปลวกน้ำร้อนก่อน จะได้ไม่คาว เมื่อลวกเสร็จแล้ว ก็นำไปล้างน้ำอีกครั้ง
- ต่อจากนั้นให้นำน้ำที่แช่เห็ดหอมเทลงในหม้อ แล้วยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด และนำโครงไก่ อกไก่ ลงต้ม ประมาณ 1-2ชั่วโมง
เมื่อครบกำหนดแล้ว ก็ให้ตักเครื่องทั้งหมดออก สำหรับอกไก่ก็ให้อีกเป็นเส้นเล็กๆ
- เมื่อได้น้ำรูปแล้ว ให้ใส่ กระเทียม พริกไทย ที่โขลกเตรียมไว้ลงไป ต้มต่อสักครู่ให้ได้กลิ่นหอม ใส่กระเพาะปลา
เห็ดหอม เนื้อไก่ หน่อไม้ต้มสุก เลือดหมูซีอิ๊วขาว แป้งมันลงไป และใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ คนทุกอย่างให้เข้า กัน
- ชิมรสชาติ แล้วเตรียมขายได้เลยทำเพียงเท่านั้นเราก็มีสินค้านำขึ้นรถเข็นแล้ว เชื่อว่าคงไม่

เกินความสามารถของคุณหากมีความพยายาม กระเพาะปลาส่วนใหญ่ เขาจะขายกันอยู่ที่ ชามละ 30-60 บาท แต่บางเจ้า
อาจจะขายถึง 150 บาท แล้วแต่เครื่อง ถ้าเป็นแบบธรรมดา ใส่ไข่นกกระทา 2 ลูก ก็ประมาณ 30 บาทต่อชาม ถ้าใส่เนื้อปู
ก็ประมาณ 60 บาทต่อชาม และถ้าใส่หูฉลามด้วย ก็ประมาณ 150 บาทต่อชาม ลองไปดัดสินใจเอาเองว่าจะขายแบบไหน
ทดลองทำตามดูนะครับ คนขยันไม่อดตายครับ

7/04/2554

ขนมจีนสด เอราวัณ

ขนมจีนเป็นอาหารที่คนไทยรู้จักกันมานาน ต้นกำเนิดขนมจีน คาดว่ามาจากชาวมอญที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ขนมจีนที่เรารู้จักกันกันนี้ได้มีวิวัฒนาการจน ไม่หลงเหลือ เค้าของอาหารมอญ มีการคิดค้นสูตร น้ำยาต่างๆ ที่อร่อยถูกปาก ขนมจีนตามภาคต่างๆของไทยก็จะมีรสชาติที่ แตกต่างกันไป วันนี้ขนมจีนที่กำลังได้รับความนิยมมาก คือ ขนมจีนเส้นสด นั่นคือ นำแป้งที่ไม่ต้องผ่านการหมัก มาบีบโรยเส้นกันสดเส้นขนมจีนจะเหนียว อร่อยมากกว่าขนมจีนแป้งหมักที่เรารู้จักกันมา

ขนมจีนสด เอราวัณ

ภาพจาก108trips.com
หากใครที่กำลังมองหาธุรกิจเปิดร้านขนมจีนวันนี้ มี 1 ธุรกิจมาฝากครับ นั่นคือ ขนมจีนสด เอราวัณ ขนมจีนสด เอราวัณ เป็นร้านขายขนมจีน และน้ำยาต่าง ๆ ที่อร่อยถุกปากคนไทย พร้อมขนมไทยต่างๆ มีสาธิตวิธีการทำขนมจีนด้วยเครื่อง ลักษณะเป็นอาหารง่าย ๆ สะดวกเสิร์ฟ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้ที่สนใจจะทำ แฟรนไชส์หรือซื้อสินค้าของบริษัทได้เห็น


รายละเอียดแฟรนไชส์ ขนมจีนสดเอราวัณ

1. ค่าแฟรนไชส์ฟี (Franchise Fee) 10,000 บาท
2. ค่าค้ำประกันเครื่องจักรและอุปกรณ์ 100,000 บาท
3. ค่าเช่าเครื่อง 6,000 บาท/เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
4. ค่าขนส่งและติดตั้งเครื่องจักร
5. ได้รับการจัดส่งแป้งสำเร็จรูปเพื่อผลิตเส้นขนมจีนสด “เอราวัณ" แกงปรุงสำเร็จอาหารอื่นๆ และบรรจุภัณฑ์ที่กำหนด
6. มีการอบรมให้ 1 ครั้ง (ไม่คิดค่าอบรมครั้งแรก)

สนใจธุรกิจขนมจีนสด เอราวัณ ติดต่อได้
ที่อยู่ เลขที่ 19 หมู่ 1 ตำบล ยายชา อำเภอ สามพราน จ.นครปฐม 73110
โทรศัพท์ 034-225-240, 034-321-661-3



ขนมจีนสดเอราวัณ,ขนมจีนเส้นสดเอราวัณ,ขนมจีนเอราวัณ,แฟรนไชส์ขนมจีนเอราวัณ

6/28/2554

คิดอะไรไม่ออกลองมาขาย ชิกเก้นนักเก็ตบายปุ้ย

นักเก็ตไก่ เป็นอาหารที่ ดูทันสมัย ทานง่ายรสชาติ อร่อย เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบ อาหารทานง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะเด็กๆจะชอบทานกันแทบทุกคน

วันนี้อยากจะแนะนำแฟรนไชส์นักเก้ตไก่ ทีดีมีคุณภาพให้รู้จัก สำหรับท่านที่อยากมีธุรกิจของตัวเอง เริ่มได้ง่ายๆวันนี้กับชิกเก้นนักเก็ต บายปุ้ยทุกคนคงรู้จักคุณปุ้ย พิมลวรรณ หุ่นทองคำ พิธีกรจากไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นอย่างดี วันนี้เธอมาในมาดใหม่ ในนามพรีเซ็นเตอร์
แฟรนไชส์ ‘Chicken NuggetS By Pui’ (ชิกเก้น นักเก็ต บายคุณปุ้ย) ภายใต้การบริหารธุรกิจโดย คุณชัชพงษ์ หุ่นทองคำ แฟรนไชส์นักเก็ตไก่สำหรับคนใส่ใจสุขภาพ
แฟรนไชส์นักเก็ตไก่กรอบนอก...นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน ขณะทอด จำหน่ายต้วยราคาย่อมเยา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทานนักเก็ต


ชิกเก้นนักเก็ตบายปุ้ย

ภาพจากthaifranchisecenter.com/

กว่าจะมาเป็น Chicken NuggetS By Pui คุณชัชพงษ์ ได้ทำการวิเคราะห์มาอย่างละเอียด
ตั้งแต่ตัวสินค้า คือนักเก็ตไก่จนกระทั่งการสอบถามกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ทราบวาลูกค้าต้องการอะไร ราคาประมาณเท่าไหร่ ต้องการคีออสในรูปแบบไหน แเล้วนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ก็ได้ทดลองตลาดโดยการขายนักเก็ตไก่โดยที่ยังไม่มีแบรนด์ที่ชัดเจน รู้เพียงว่าเป็นสินค้าที่ขายโดยมีคุณปุ้ย เป็นพรีเซ็นเตอร์

รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ Ch1cken NuggetS By Pui มีให้เลือก 3 รูปแบบ ด้วยกันคือ

1. แบบพรีเมียมคีออส ราคา 37,000 บาท คีออสดีไซน์แบบโค้งมน สิ่งที่แฟรนไชซีจะได้รับก็คือ เตาทอดไฟฟ้าขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์การขายครบเซ็ต และนักเก็ตไก่ 10 กิโลกรัม
2. แบบสแตนดาร์ดคีออส ราคา 30,000 บาท คีออสดีไซน์ทรงเหลี่ยม สิ่งทีแฟรนไชซีจะได้รับก็คือ เตาทอดไฟฟ้าขนาดเล็ก พร้อมอุปกรณ์การขายครบเซ็ต และนักเก็ตไก่ 10 กิโลกรัม
3. แบบประหยัด ราคา 15,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย แต่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง จะได้รับป้ายไวนิล 2 ผืน ป้ายรายการสินค้า อุปกรณ์การขายต่างๆ และนักเก็ตไก่ 10 กิโลกรัม

Chicken NuggetS By Pui อำนวยความสะดวกให้ แฟรนไชซีแทบทุกอย่างตั้งแต่การหาพื้นที่ จนวิธีการขาย ฝืกอบรมรวมถึงการจัดส่งสินค้า ซึ่งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีรถห้องเย็นจัดส่งสินค้าให้ฟรีหากกรณีฉุกเฉินจะมีหน่วยรถจักรยานยนต์ดิลิเวอรี่ให้ได้ทันที ส่วนในต่างจังหวัดนั้นแล้วแต่ความสะดวกของแฟรนไชซีเลือกได้ 2 ช่องทางคือ ทางเครื่องบิน และรถไฟ ทางบริษัทจะประสานงานการจัดส่งใหั ส่วนค่าใช้จ่ายจะเรียกเก็บตามจริง
ระยะคืนทุนของแฟรนไชส์ Chicken Nuggets By Pui โดยประมาณการขั้นต่ำ2-3 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับทำเลที่ไปวางขาย โดยมากทำเลที่เหมาะสมได้แก่ หน้าชุมชน หน้าโรงเรียน หรือหน้าห้าง จะเป็นทำเลทอง แต่ถ้าทำเลอี่นๆ ก็จะพิาารณาให้ตามความเหมาะสม
คุณชัชพงษ์ ฝากสำหรับคนที่สนใจทำธุรกิจแฟรนไชส์ Chicken Nuggets By Pui ไว้ว่า “จริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำธุรกิจนี้ แค่รู้ว่าคุณสมบัติของสินค้าคืออะไร ข้อดีคืออะไร ข้อเสียคืออะไร เมื่อรู้แล้ว ต้องมีความตั้งใจที่จะทำ ถ้าตั้งใจทำยังไงก็ขายได้เพราะของกินขายง่าย แล้วไก่ก็อยู่ได้นานฉะนั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลใจ อีกอย่างคุณต้องมีใจเป็นนักบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเงิน
ควบคุมคุณภาพของสินค้า ถ้าสนใจจริงๆ ขอให้มาหาเราเถอะ แล้วเราจะดูแลอำนวยความสะดวกให้คุณทุกอย่าง”

สนใจสอบถารายละเอียดแฟรนไชส์ Chicken Nuggets By Pui ติดต่อได้ที่
บริษัท ชัช นักเก็ต จำกัด 99/2 หมู่ 9 ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230
โทรศัพท์ 0-2946-1495 หรือที่ chat_nuggets@hotmail.com

6/21/2554

ปาท่องโก๋ สร้างรายได้

ปาท่องโก๋ นิยมทานเป็นอาหารเช้า คู่กับ ชา กาแฟ โอวัลติล โจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ประวัติความเป็นมาของปาท่องโก๋ หรือที่คนไทยเรียกนั้น จริงๅแล้วมีชื่อเรียกว่า อิ่วจาก้วย ว่ากันว่า มีที่มาจากสมัยราชวงศ์ซ้อง ที่มีขุนนางกังฉินชื่อว่า "ฉินข้วย" หรือ "ฉินฮุ่ย"มีความอิจฉาริษยา นายทหาร "เยียะเฟย" หรือ แม่ทัพงักฮุย จึงได้วางแผนให้ฮ่องเต้เรียกตัวงักฮุยกลับจากแนวหน้า
และ ฉินข้วย ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา ข่าวล่วงรู้ไปถึงประชาชนจึงโกรธแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนั้นชาวจีนนิยมรับประทานแป้งทอดอยู่แล้ว จึงมีคนคิดเอาแป้งสองชิ้นมาประกบกันเพื่อเป็นตัวแทนขุนนางกังฉินกับภรรยาแซ่หวัง แล้วนำมาทอดกินเพื่อระบายความแค้น เรียกว่า “อิ่วจาก้วย” หมายถึง น้ำมันทอดฉินข้วยส่วนที่คนไทย เรียกว่า ปาท่องโก๋ นั้น เพราะจำมาผิด เนื่องจาก สมัยก่อนชาวจีนที่ขายปาท่องโก๋ (ขนมน้ำตาลทรายขาว) มักจะขายอิ่วจาก้วยด้วย พอคนขายตะโกนขายปาท่องโก๋ จึงเข้าใจว่า ปาท่องโก๋ คือ แป้งทอดอิ่วจาก้วย นั่นเอง แต่ในพื้นที่ภาคใต้ผู้คนยังคงนิยมเรียกว่า อิ่วจาก้วย อยู่หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า จาก้วย ออกเสียงแบสำเนียงใต้


ขายปาท่องโก๋
ขอบคุณภาพจากsomsee53.thaiza.com

การทำปาท่องโก๋ขายนั่นมีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะคนนิยมบริโภคกันมากๆ ขายง่าย ราคาไม่แพง ขึ้นอยุ่กับสูตรของแต่ละคนซึ่งอาจจะแตกต่างกันไป สำหรับใครที่อยากขายปาท่องโก๋เพื่อหารายได้พีเศษ วันนนี้มีสูตรปาท่องโก๋มาฝากกันครับ

ปาท่องโก๋ สูตร 1.
ส่วนประกอบ

แป้งสาลี(ตราว่าว) 6 กก.
ผงโซดาไบคาร์บอเนต 4 ช้อนชา
ผงฟู 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1/2 กก.
เกลือ 10 ช้อนโต๊ะ
วานิลา(ถ้ามี) 4 ช้อนชา
แอมโมเนีย 3 ช้อนโต๊ะ
ยีสต์ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 12 ช้อนโต๊ะ
น้ำปูนใส 12 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
นำส่วนผสมต่างๆ ทุกอย่างคลุกเข้ากับแป้ง แล้วเติมน้ำพอเหนียว นวดเบาๆทิ้งไว้ 30 นาที
นวดรอบสองไม่ต้องนวดนาน แล้วปิดคลุมไว้ด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาดๆ แล้วค่อนนำไปตัดเป้นตัว ก่อนทอดในน้ำมันร้อนๆ โโยใช้ไฟปานกลาง


ปาท่องโก๋ สูตร 2.
ส่วนผสม
แป้งสาลี (ตราฮก) 2 กก.
น้ำมันพืช 1 ช้อนตวง
ผงฟู 1 ช้อนตวง
โซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนตวง
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนตวง
แป้งสาลี(ตราว่าว) 1 ช้อนตวง
น้ำ 1 1/2 กก.
แอมโมเนียผง 1 ช้อนตวง

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสม คลุกเคล้าให้เข้ากันให้เข้า ใส่เกลือ น้ำตาลนวดไปทางเดียวกันจนน้ำตาลและเกลือละลายหมด หรือประมาณ 10 นาที
พักแป้งไว้สักครู่ กลับแป้งนวดอีกครั้ง แล้วพักไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วนำผ้าดิบชุบน้ำบิดพอหมาดๆ คลุมไว้ นำไปทอดในน้ำมันพืช เดือดไฟกลางๆ
ถ้าแป้งปาท่องโก๋เหลือสามารถเก็บใส่ตู้เย็น ไว้ทอดได้อีก


ปาท่องโก๋ สูตร 3.
ส่วนผสม
แป้งตราต้นสน 1 กิโลกรัม
ผงฟู 1/4 ช้อนชา
มาการีน 1 ช้อนชา
น้ำ 3-4 ถ้วยตวง
แอมโมเนีย 1 ช้อนโต๊ะ
โซดาไบคาบอเนตขนาดเท่ากับ 2 เมล็ดถั่วเขียว หรือใช้น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะแทนก็ได้
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
นำแป้งมาร่อนก่อน
แล้วนำส่วนที่ผสมต่างๆมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยการคนให้ละลายพักไว้
จากนั้นนำส่วนผสมต่างมาเทใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้ว คนไปให้เข้ากันนวดให้เข้ากันจนได้ที่ คือแป้งจะเนียนไม่ติดมือ
ปิดให้สนิทหมักไว้ 7-8 ชั่วโมงนำแป้งที่พร้อมได้ที่แล้ว มาปิดผ้าไว้ที่โต๊ะ นำแป้งมาตัดแป้ง ปั้นเป็นตัวยาวๆ จับเป็นคู่ๆ ลงทอดในน้ำมันใช้ไฟร้อนปานกลาง
หรือถ้าไม่มีเวลาทำ อาจจะลองใช้ แฟรนไชส์ฮามาจังปาท่องโก๋

รายละเอียด
ขายแฟรนไชส์ ปาท่องโก๋ รสชาติดี

สิทธิประโยชน์
-สูตรและการผลิตฮามาจังปาท่องโก๋
การเรียนการสอน
(2 วัน) มีครูผู้สอนในสถานที่ฝึกอบรม ณ บริษัท ซี.บี.พี.เวิลด์ จำกัด ระยะเวลาการเรียน (โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง) วันละ 6-8 ชั่วโมง
ช่วงที่หนึ่ง 1 วัน หลักสูตรการเตรียมวิธีการผลิตกับเจ้าของหลักสูตร
ช่วงที่สอง 1 วัน หลักสูตรการขายและบริการอย่างมีประสิทธิภาพแบบ “ฮามาจัง” การอบรมสูตรการผลิตจะแจ้งให้ทราบภายหลังคิดเป็นผลงานในระบบ C.B.P Compensation Plan 19,300 BV

การชำระเงิน
ชำระครั้งเดียววันทำสัญญา( 28,000 บาท
**หมายเหตุ ราคาเฟรนไชนส์นี้ยังไม่ได้รวมค่าขนส่งวัสดุและอุปกรณนการขายฮามาจังปาท่องโก๋ ผู้ชื้อแฟรนไชส์จะต้องเสียค่าขนส่งเอง (ราคาขนส่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่ส่ง)

เงื่อนไขทั่วไป
-ทำเลจะต้องห่างจากเจ้าเดิมไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
-แป้งปาท่องโก๋ แป้งสังขยาอื่นๆ ต้องสั่งซื้อโดยตรงกับบริษัท ซี.บี.พี เวิลด์ จำกัด เท่านั้น
-ชุดอุปกรณ์ที่ต้องการเพิ่มต้องสั่งชื้อจากบริษัท ชี.บี.พี เวิลด์ จำกัด
-ต้องรักษามาตรฐานในการรักษาความสะอาด การใช้วัสดุอุปกรณ์ การใช้
-วัตถุดิบเพื่อการผลิตฮามาจังปาท่องโก๋ ในขนาดและปริมาณตามที่กำหนดเท่านั้น
-กรณีผิดข้อตกลงตามเงื่อนไขที่กำหนด( เมื่อมีการเตือนเป็นหนังสือ 3 ครั้งแล้วยังเพิกเฉย จะถูกถอดป้ายทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
-ทำเลจะต้องห่างจากเจ้าเดิมไม่ต่ำกว่า 500 เมตร

สนใจแฟรนไชส์ฮามาจังปาท่องโก๋โทรศัพท์ 05-162-3646

6/17/2554

ขายขนมจีนกรอบ

ขนมจีนเป็นอาหารจานหลักที่ถูกปากคนไทยรองจากข้าว และก๋วยเตี๋ยว เนื่องจาก “ขนมจีน” เป็นอาหารที่สามารถนำไปรับประทานได้กับอาหารหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ แกงเขียวหวาน ไปจนถึงส้มตำ น้ำตก ฯลฯ แล้วถ้าบอกว่าขนมจีนกรอบ ทุกคนต้องแปลกใจแน่ๆว่าจะเป็นยังไง รสชาติจะอร่อยถูกปากเหมือนขนมจีนทั่วๆไปหรือไม่


โดยวิธีทำเริ่มจาก เอาเส้นขนมจีนมาแช่น้ำสมุนไพรแต่ละชนิดเตรียมไว้ประมาณ 10 นาที ระหว่างแช่ให้คนเบาๆ เพื่อให้เส้นขนมจีนแยกออกเป็นเส้นๆ นั้นนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำ แล้วจับเส้นขนมจีนเป็นคำ ๆ นำออกไปตากแดดให้แห้งประมาณ 1 วัน
น้ำสมุนไพร 3 ชนิด ที่นำมาชุบเส้นขนมจีนเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณค่าและสีสันให้กับ ขนมจีนกรอบ ด้วย ได้แก่ อัญชัญ กระเจี๊ยบ เเละ ดอกคำฝอย

ขายขนมจีนกรอบ

ขอบคุณภาพจาก manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9510000000250

เมื่อนำขนมจีนที่ตากแห้งเรียบร้อยแล้วมาทอดในน้ำมันร้อนๆ ต่อมาเป็นขั้นตอนในการทำน้ำซอสแกงเขียวหวาน เพื่อราดหน้าขนมจีนกรอบแต่ละคำ เริ่มจากการตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน ใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปผัดพอหอม ใส่หัวกะทิ
ผัดต่อจนกะทิแตกมัน และปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือ เคี่ยวต่อจนส่วนผสมมีลักษณะข้นเป็นซอส แล้วจึงยกกะทะลง รอจนส่วนผสมของซอสเย็น จึงนำมาบรรจุใสขวดบีบซอส แล้วบีบราดลงบนขนมจีนกรอบแต่ละคำ ตกแต่งหน้าเพิ่มด้วย ปลาข้าวสาร พริกซีฟ้าหั่นฝอย และใบมะกรูด จากนั้นนำไปบรรจุใส่กระปุกที่เตรียมไว้

สนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่
ผศ.สีวลี ไทยถาวร หรืออาจารย์ อุจิตชญา จิตวิมล โทร. 0-2549-3168
หรือหากต้องการสั่งซื้อ ติดต่อได้โดยตรงที่ วชิราภรณ์ เพ็งศรี โทร. 089-1167857

6/09/2554

แปรรูปผักผลไม้ขาย

การแปรรูปผักผลไม้เราสามารถทำได้หลายวิธี ดอง กวน หมัก เชื่อม แช่อิ่ม ตากแห้ง และอื่นๆอีกมากมาย
ผักและผลไม้ในบ้านเรานั้น มีมาก ถ้าเป็นช่วง ฤดูกาลจะออกมามากกินไม่ทัน จนเหลือทิ้ง แถมราคาก็ถูกมากด้วย เราสามารถนำมาถนอมอาหาร เก็บไว้ขายนอกฤดูได้ แถมเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตได้อีกทางหนึ่งด้วย สามารถทำเป็นอาชีพเสริม หรือเป็นอาชีพหลักได้เลยทีเดียว วันนี้มีตัวอย่างการถนอนอาหาร จากผัก-ผลไม้แบบต่างๆมาฝากกันครับ

การแปรรูปผักผลไม้

ขอบคุณภาพจาก bangkok-guide.z-xxl.com/snack-knowledge/4541.html

1.มะม่วงดองแห้งสามรส

ส่วนผสม
1.มะม่วงดอง 5 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 2-2.5 กิโลกรัม
3.เกลือ 1/4 ถ้วย
4.กรดมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.มะม่วงที่ดองแล้ว แช่น้ำเพื่อลดความเค็มประมาณ 1-2 ชั่วโมง
2. มะม่วงที่ปอกเปลือกแล้ว 1 ลูก หั่นเป็น 2 แก้ม แล้วหั่นตามขวางลูกเป็นเส้นยาว ข้าง ๆ เม็ดก็หั่น ใช้ได้หมด
3. นำมะม่วงมาผสมกับน้ำตาล เกลือ กรดมะนาวนวดให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
4. นำขึ้นจากน้ำเชื่อม วางในตะแกรงจนสะเด็ดน้ำเชื่อม นำไปใส่ถาดตากแดด 2-3 แดด หรือนำไปอบ
แห้งเก็บใส่ขวดโหลที่สะอาด ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้รับประทานได้นานวัน

2.มะม่วงอบแห้งสามรสส่วนผสม
1.มะม่วงดบ 5 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 1800 กรัม หรือ 10 ถ้วยตวง
3.เกลือ 1 1/4 ถ้วยตวง
4.กรดมะนาว 2 ½ ช้อนชา
5.น้ำตาลกลูโคสหรือน้ำตาลไอซิ่งสำหรับคลุก 1 ถ้วย

วิธีทำ
1. มะม่วงปอกเปลือก ล้างให้สะอาด 1 ลูก แบ่งเป็น2 แก้ม แล้วหั่นตามขวางลูกเป็นเส้นยาว ส่วนติด
ข้างเม็ดก็หันออกจนเหลือแต่เม็ดจริง ๆ
2.นำมะม่วงมาผสมกับน้ำตาล เกลือ และกรดมะนาว สวดให้เข้ากันจนนิ่ม หมักทิ้งไว้ ประมาณ 24
ชั่ว โมง
3. นำขึ้นจากน้ำเชื่อม วางในตะแกรงจนสะเด็ดน้ำเชื่อม นำไปใส่ถาดตากแดด 2-3 แดด หรือนำไปอบ
แห้ง อย่าให้แห้งจนแข็งจะไม่อร่อย แล้วนำมาคลุกกับน้ำตาลกลูโคส (น้ำตาลกลูโคสหรือน้ำตาลไอซิ่ง จะเป็นส่วนที่ช่วยให้มะม่วงมีสีขาวนวล จะดูน่ารับประทาน
4.เก็บใส่ขวดโหล ปิดฝาให้สนิท หรือใส่ถุงพลาสติก แล้วซีลปิดให้สนิท เก็บไว้รับประทานได้นานวัน
*** ถ้าหากตากแดด หรืออบแห้งเกินไปให้นำไปใส่ลงถึงนึ่ง ประมาณ ๓-๕ นาที นำออกผึ่งลมพอแห้งคลุมด้วยน้ำตาลกลูโคส

3.กล้วย กวน

ส่วนผสม
1.กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกแล้ว 2500 กรัม
2.น้ำตาลมะพร้าว 450 กรัม
3.น้ำตาลทราย 450 กรัม
4.แบะแซ 400 กรัม
5.มะพร้าว 1.5 กิโลกรัม
- คั้นกะทิ 3 ถ้วย
- หางกะทิ 5 ถ้วย

วิธีทำ
1. กล้วยน้ำถ้าเลือกสุกงอม ปอกเปลือกแล้วตัดหัวตัดท้ายแล้วหั่นพอหยาบ ใส่เครื่องตีป่นบดให้ละเอียด
2. มะพร้าวคั้นเอาแต่หัวกะทิให้ได้ 3 ถ้วย มะพร้าวที่เหลือคั้นให้ได้หางกะทิอีก 5 ถ้วย
3. หัวกะทินำมาตั้งไฟเคี่ยวน้ำแห้งไปบ้างแต่ไม่ถึงขนาดแตกมันเป็นขี้โล้
4. นำกล้วย น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแบะแซ หางกะทิ ๕ ถ้วย ใส่รวมกันลงในกระทะทอง นำ
ขึ้นตั้งไฟกวนด้วยไฟอ่อน ๆ กวนตลอดเวลา ระวังอย่าให้ไหม้ก้นกระทะ กวนจนกระทั่งเหนียว กวนเป็นก้อนเนื้อเดียวกันไม่ติดกระทะ
5.นำลงมาปั้นเป็นก้อน ๆ ห่อด้วยกระดาษแก้ว หรือบรรจุกล่องพลาสติก หรือขวดโหลมีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้รับประทานได้นานวัน

6/06/2554

ขายปลาไข่ทอด

ปลาไข่เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาแซลมอน พบบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกแถบขั้วโลก ชอบอาศัยอยู่ในเขตที่มีน้ำเย็น อย่างเช่น มหาสมุทรอาร์ติค และมหาสมุทรแปซิฟิก
ประเทศที่มีการบริโภคปลาไข่มากคือ ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่าชิชาโมะ (Shishamo) ปลาตัวเมียที่มีไข่อยู่ต็มท้องจะเป็นเมนูโปรดของชาวญี่ปุ่น ประเทศที่ส่งออกปลาไข่รายใหญ่ ได้แก่ ประเทศ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และเดนมาร์ค
ปลาไข่ จะมีรสชาติเฉพาะตัว คือมีรสมันๆ แต่กลิ่นคาวจะจัด วิธีแก้ต้องปรุงด้วยรสชาติที่เข้มเพื่อกลบกลิ่นคาว หรือถ้านำไปย่างไฟ ควรจะใช้ไฟแรงซะหน่อยเพื่อให้สุกโดยเร็ว แต่ถ้าต้องการนำไปทอดควรจะใช้ไฟปานกลาง
และต้องให้น้ำร้อนจัดเพื่อไม่ให้ปลาอมน้ำมัน และควรจะรับประทานตอนที่ยังร้อนๆ อยู่เพื่อรสชาติที่อร่อย และไม่มีกลิ่นคาวปลาปลาไข่นั้นสามารถทานได้ทั้งของว่าง หรือทานเป็นกับข้าวก็ได้

ขายปลาไข่ทอ
ขอบคุณภาพจากthaionlinebusiness.com

ปลาไข่เป็นอาหารว่างแบบกินเล่น รสชาติอร่อยมากๆ เพราะรสชาติ ที่มันจากไข่ที่เต็มท้อง แป้งทอดกรอบๆ ปลาสดๆส่งตรงจากแคนาดา นำมาชุบแป้งสูตรพิเศษ
กรอบนุ่ม กรอบนาน จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจี๊ดจ๊าด หรือน้ำจิ้มอื่นๆ เช่น น้ำจิ้มไก่ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ วาซามาโย พร้อมผักสด แตงกวา กะหล่ำปลี แครอท ต่างๆ
ปลาไข่ทอดน่าจะเป้นธุรกิจอาหารที่ขายได้ดีอีกหนึ่งอย่างในบ้านเรา น่าลงทุน วันนี้จึงนำแฟรนไชส์ปลาไข่ทอดมาฝากอีก 1 แฟรนไชส์

แฟรนไชส์ ปลาไข่ทอด
รูปแบบการลงทุน

แบบ A ค่าแรกเข้า 15,000 บาท(เหมาะสำหรับผู้ที่มีร้านหรืออุปกรณ์การขายอยู่แล้ว)
สิ่งที่ได้รับ
1. ป้ายไวนิลโลโกร้านตามแบบ (1.30x0.30 ม.)
2. ปลาสด 22.5 กก.
3. แป้งผสม 8 กก.
4. น้ำผสม 8 ขวด
5. เกล็ดขนมปัง 6 กก.
6. ไข่ไก่ 1 แผง
7. น้ำมันพืช 5 ลิตร
8. น้ำจิ้ม 3 กล่อง
9. โบรชัวร์และอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย 1 ชุด
10. ผัก, กล่องโฟม, ถุง, ถ้วยพร้อมขาย 1 ชุด
11. คู่มือสมาชิก 1เล่ม
12. พี่เลี้ยงเพื่อสอนและแนะนำก่อนขายและช่วยขาย 3 วัน

แบบ B : 30,000 บาทขื้นไป(เหมาะสำหรับผู้เริ่มขายเป็นครั้งแรก ราคาขึ้นอยู่กับรูปแบบคีออส)
สิ่งที่ได้รับ
1. เหมือนแบบ A (รายการที่1-12)
2. เพิ่มอุปกรณ์ในการเริ่มธุรกิจ 30รายการ
3. คีออส หรือเคาน์เตอร์ แล้วแต่ตกลง (เนื่องจากแต่ละพื้นที่ขาย ต้องการไม่เหมือนกัน )
เงินทุนหมุนเวียน :
1.สั่งสินค้าครั้งละอย่างต่ำ 3,000 บ. (ขายได้ 6,000 - 8,000 บ.)
2.เงินหมุนเวียนในแต่ละวัน 200- 500 บาท
3.กำไร 50% (กำหนดราคาขายสูงขึ้นได้แล้วแต่ลักษณะทำเล)

รายละเอียดเบื้องต้น :แฟรนไชส์ ปลาไข่ทอด
1. สัญญา 1 ปี ไม่มีค่ารายเดือน
2. ซื้อวัตถุดิบกับทางบริษัทเท่านั้น (ไม่รวมค่าขนส่ง)
3. มีการจัดรายการส่งเสริมการขาย ไร่1 เมื่อเริ่มกิจการ และเมื่อมีการสั่งสินค้าตามเกณฑ์
4. เริ่มธุรกิจ จะมีการจัดพี่เลี้ยงไปสอนที่จุดขายและช่วยขาย 3วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
5. ได้รับคู่มือการขาย 1 ชุด
6. แป้งสูตรพิเศษนี้สามารถปรับใช้ทำไก่ทอดแบบ KFC ได้ ทำกล้วยอบน้ำผึ้ง
7. ได้รับสูตรอาหารอื่นที่บริษัทคิดค้นเพิ่มได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหากอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนต
8. การจ่ายเงินทุกครั้งให้โอนเงินเข้าบัญชีที่กำหนด

กลุ่มเป้าหมาย :
ทุกเพศ ทุกวัย ขายได้ทุกทำเล เพราะปลาไข่มีประโยชน์
มีโอเมก้า 3 และอื่นๆ ที่ช่วยให้ฉลาด ความจำดี ลดเลือนริ้วรอย ดีต่อสุขภาพ
ราคาขาย : (เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม)
กล่องละ 20 บ. (4-5 ตัว)
กล่องละ 30 บ. (5-6 ตัว)
เป็นรถมอร์เตอรไซด์พ่วงข้างขายอยู่ที่ซ.สดใสข้างม.บูรพา บางแสน ชลบุรี ราคาขายเริ่มต้นที่ 10 บาท (2-3 ตัว )

สนใจธุรกิจปลาไข่ทอด ติดต่อได้ที่
ที่อยู่ ซอยเกตุสดใส ข้างม.บูรพา บางแสน ชลบุรี
20000 โทรศัพท์ 01-7438540

6/04/2554

ขายโจ๊ก

ด้วยสภาพทางสังคมที่ทำให้ การใช้ชีวิตของคนเรานั้นต้องการความเร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลาที่จะทำอาหารกินเองที่บ้าน เรื่องอาหารการกินต้องพึ่งอาหารจานด่วน อาหารที่ กินง่าย สะดวกอย่าง "โจ๊ก"จึงเป็นอาหารยอดฮิตของคนเรา โจ๊กถือว่าเป็นอาหารจานด่วน ที่คนนิยมกินกันมาก เพราะโจ๊กกินง่ายและไม่เป็นอาหารมื้อหนักจนเกินไป กินได้ทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็น ธุรกิจโจ๊กนี้สามารถจะเติบโตและเป็นอาชีพที่สามารถทำเป็นอาชีพหลักได้เลยทีเดียว

สำหรับใครที่สนโจธุรกิจโจ๊กอยุ่ตอนนี้ วันนี้มีข้อมูลแฟรนไชส์โจ๊กหม้อดิน มาฝากให้ได้ลองพิจารณากันดูนครับ ว่าน่าลงทุนกันมากน้อยแค่ไหน

ขายโจ๊ก

ขอบคุณภาพจากthailandoffroad.com

แฟรนไชส์โจ๊กหม้อดิน หนึ่งในสยาม ได้นำธุรกิจโจ๊กหม้อดินนี้เข้าสู่ระบบ แฟรนไชส์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนโจ และมีความตั้งใจที่จะค้าขายได้มีโอกาส ทำธุรกิจโจ๊กหม้อดิน ขอแค่ให้มีความตั้งในในการทำธุรกิจนี้ ก็จะประสบความสำเร็จในการค้าขายและค้าขาย ดีๆ ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้น โจ๊กหม้อดิน 1 ในสยาม แฟรนไชส์ ที่โตเร็วขยายสาขา 30 จุด ทั้งในกทม และต่างจังหวัด ภายในเวลา 8 เดือน
ตั้งเป้าว่าจะขยายเพิ่มอีก 20 สาขา เงินลงทุนเบื้องต้น 60,000-100,000 บาท ก็เปิดขายโจ๊กหม้อดินได้แล้ว

ปัจจุบันนี้โจ๊กหม้อดินมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 17 สาขา เฉพาะกรุงเทพฯ 10 แห่ง ต่างจังหวัด 7 แห่ง แต่ต้องเป็นที่กำหนดให้และไม่ซ้ำซ้อนกัน จุดคุ้มทุนประมาณ1-3 เดือน เป็นอย่างช้า
แต่เท่าที่เปิดมาทุกสาขาเพียงแค่เดือนเดียวได้ทุนคืนแล้วเพราะลงทุนไม่สูงและกำไรดีมาก เพราะทางบริษัทมีการอบรมให้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานการเตรียมวัตถุดิบ การต้อนรับลูกค้า การบริการ ฯลฯ

การลงทุนแฟรนไชส์โจ๊กหม้อดิน หนึ่งในสยาม
ขั้นตอนการขอสิทธิร่วมธุรกิจ โจ๊กหม้อดินหนึ่งโนสยาม
-มีพื้นที่พร้อมที่จะเปิดร้าน
-ตกลงทำสัญญาพร้อมชำระค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์-เงินค้ำประกัน
-เข้าอบรมหลักสูตรโจ๊กหม้อดิน ใช้ระยะเวลา 3 วัน
-เตรียมอุปกรณ์พร้อมตกแต่งสถานที่เปิดบริการ

การลงทุนและค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า 20,000 บาท
-ค่าอุปกรณ์ ปรามาณ 20,000-40,000 บาท แผง ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ เตาแก๊ส ถ้วยหม้อดินพร้อมอุปกรณ์ครบชุด สามารถเปิดร้านได้เลย
-เงินประกัน 30,000 บาท (สัญญาครบ 1 ปี บริษัท คืนเงินประกัน 30,000 บาท)
-ค่ารอยัลตี้ฟีปีต่อไป ยอดขายไม่เกิน 2,000,000 บาท คิด 20,000 บาทต่อปี
-ยอดขายเกิน 2,000,000 บาท คิด 40,000 บาทต่อปี
-จุดคุ้มทุนประมาณ 1-3 เดือน

วัตถุดิบที่แฟรนไชส์ต้องชื้อกับทางร้าน
-ข้าว กิโลกรัมละ 30 บาท
-หมูหมัก กิโลกรัมละ 120 บาท
-หัวน้ำซุป ขวดละ 70 บาท
-ปาท่องโก๋ กิโลกรัมละ 80 บาท

*** ข้อมูลอาจจะเปลี่ยแปลงตามสภาพเศรฐกิจ

สนใจแฟรนไชส์โจ๊กหม้อดิน หนึ่งในสยาม ติดต่อได้ที่
ที่อยู่ ลาดพร้าว 122 วังทงหลาง กรุงเทพฯ 10310
หมายเลขโทรศัพท์ 0-2934-2997, 0-1485-9552



**เปิดบริการได้เฉพาะจุดที่ตกลงในสัญญาเท่าน้น
โจ๊กหม้อดิน หนึ่งโนสยาม ซอยมหาดไทย
ลาดพร้าว 122 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทรศัพท์ 02-9342997, 01-4859552
โทรสาร 02-9342997

5/31/2554

เปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสอง

ธุรกิจขาย “เสื้อผ้ามือสอง”มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจเสื้อผ้ามือสอง “ราคา” ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นกำลังซื้อให้เกิดขึ้น คนที่คิดอยากจะทำธุรกิจขายเสื้อผ้านำไปต่อยอดสร้างงาน สร้างรายได้ นั้นมีมากมาย

ร้านเสื้อผ้ามือสอง
ภาพจากwomen.mthai.com
ปัจจุบันนี้คนหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสองกันมากขึ้น แต่เสื้อผ้าที่เรานำเข้ามานั้นก็ไม่ใช่มือสองเสียทั้งหมด ส่วนหนึ่งจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนมคุณภาพดีที่ทางเมืองนอกโลสต็อก และยังไม่ได้ใส่ก็มีเรียกว่าคละๆ กันไป รวมทั้งเกรดเสื้อที่มีตั้งแต่เอ, บี และซี สำหรับคนที่คิดจะทำธุรกิจเสื้อผ้ามือสองตอนนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี เศรษฐกิจอย่างนี้ขายง่าย โดยเฉพาะทำเลตลาดนัดที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านจะขายดีมากๆ
เสื้อผ้าแฟชั่นที่คุณธณภณนำเข้ามาเป็นเสื้อผ้าทั่วๆ ไป ที่ทุกเพศทุกวัยสวมใส่ได้ อาทิ เสื้อแขนกุด, เสื้อแขนสั้น, เสื้อแขนยาว, กางเกง, กระโปรง, กางเกงยีนส์ชายหญิง, กระโปรงยีนส์, เสื้อกันหนาว, แซ็ค, สูท, เสื้อผ้าเด็ก ฯลฯ หากสนใจทำธุรกิจ สามารถติดต่อได้โดยตรงเพื่อจะได้เข้ามาดูแบบ พิจารณาคุณภาพ และเลือกสินค้าไปขายด้วยตัวเองที่โกดังเก็บเสื้อผ้าย่านรามอินทรา ที่มีเสื้อผ้าให้เลือกมากกว่า 1 แสนตัว ด้วยราคาสินค้าขั้นต่ำเฉลี่ยตัวละ 30 บาท
ธุรกิจนี้ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก ซับซ้อน ลงทุนซื้อเสื้อผ้าไปวันไหน ก็สามารถขายได้เงินวันนั้นเลย

กรณีไม่สะดวกจะเดินทางมาดูสินค้าด้วยตัวเอง ก็ยังมีอีกช่องทางหนึ่ง คือ เว็บไซต์ www.thaiusedclothes.com ที่เขาใช้โชว์ภาพสินค้าเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เห็นถึงแบบ สีสัน และขนาดที่มี หากตกลงเจรจาธุรกิจกันสำเร็จ เขาจะจัดส่งสินค้าให้ตามต้องการ
จุดหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ประกอบการ นอกจากลงทุนง่าย ต้นทุนต่ำ กำไรสูง คือ คำแนะนำในการทำธุรกิจที่คุณธณภณมีให้โดยไม่มีกั๊ก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำทำเลเพื่อขายให้ตรงกับรสนิยมของกลุ่มเป้าหมาย การกำหนดราคา การจัดร้าน ตลอดจนเทคนิคการขายสินค้าให้ประสบความสำเร็จ
ธุรกิจนี้ไม่มีขั้นตอนยุ่งมาก ซับซ้อน ลงทุนซื้อเสื้อผ้าไปวันไหนก็สามารถขายได้เงินวันนั้นเลย อย่างเสื้อผ้าแฟชั่นเกรดเอ ทำเลอย่างสีลมพลาซ่า ธนิยะ หรือซอยละลายทรัพย์ถือว่าเหมาะ ส่วนเสื้อผ้าเกรดบีลงไป ถ้าโชคดีมีรถส่วนตัว ก็ลงทุนเสื้อผ้า 3,000 บาท จำนวน 100 ตัว ขนไปขายตามที่ต่างๆ แล้วก็ซื้อราวแขวนเสื้อสักพันกว่าบาท หรือง่ายๆ เลย คือ ปูผ้าวางเสื้อขายตามตลาดนัด ซึ่งปัจจุบันแทบไม่มีตลาดนัดแห่งใดที่ไม่มีเสื้อผ้ามือสองขาย สำหรับอุปสรรคในการค้าขายตอนนี้ ผมว่าบางคนยังเข้าใจผิดคิดว่าเสื้อผ้ามือสองนั้นสกปรก ไม่มีของดี ไม่มีดีไซน์ ซึ่งความจริงแล้วจะเหมารวมว่าเสื้อผ้ามือสองเป็นอย่างนั้นเสียทั้งหมดก็ไม่ได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่เห็นว่าผู้ประกอบการขายเสื้อผ้ามือสองต้องมีบ้าง คือ ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในเรื่องทำเลสถานที่ที่จะขาย ความรู้ในตัวสินค้า เช่น ราคาคร่าวๆ ของเสื้อผ้าในแต่ละยี่ห้อ ซึ่งจะมีผลต่อการตั้งราคาขาย บางคนซื้อสินค้าเกรดเอไป แล้วเอาสินค้าไปขึ้นเว็บไซต์ ระบุแบรนด์ รุ่น ขนาด และราคาขายของเสื้ออย่างสมเหตุสมผล ก็ขายได้ราคาดี”
คุณธณภณแนะนำเทคนิคการทำกำไรจากการขายเสื้อผ้าจำนวน 100 ตัวอย่างง่ายๆ ว่า 50 ตัวแรก ขายราคาตัวละ 100 บาท เพียงเท่านี้ก็ได้ทุนคืนและกำไรเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ส่วนอีก 50 ตัวที่เหลือจะขายราคาเท่าไหร่ก็ย่อมได้ จะมากหรือน้อยก็หมายถึงกำไรที่จะเพิ่มพูนในกระเป๋านั่นเอง
ยิ่งถ้าลงทุนสั่งซื้อเสื้อผ้าที่แพ็คไว้เป็นก้อนใหญ่ประมาณ 8,000 บาท ที่มีเสื้ออยู่จำนวน 600 ตัว ต้นทุนของเสื้อผ้าก็จะลดลงเหลือเพียง 10 กว่าบาทซึ่งเขาเชื่อว่าเงิน 8,000 บาทนั้น จะสามารถสร้างรายได้สูงถึง 20,000 บาทขึ้นไปทีเดียว โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดถือว่าน่าสนใจอย่างมากในเวลานี้
การค้าขายให้ประสบความสำเร็จมันต้องอาศัยระยะเวลาและความสนิทสนม ฉะนั้นเคล็ดลับการขายที่ผมอยากฝากไว้คืออย่าเอากำไรมาก แล้วจะขายออกง่าย ที่สำคัญลูกค้าคนนั้นจะกลับมาซื้อของคุณอีกในครั้งต่อๆ ไปด้วย
นอกจากเสื้อผ้ามือสองคุณภาพ สินค้าอื่นๆ เช่น รองเท้า กระเป๋า เข็มขัด เข้ามาทำตลาดเพิ่มด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสอง สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 0-2973-1539 และ 08-6323-5334 หรือเข้าชมหน้าเว็บไซต์ได้ที่ :www.thaiusedclothes.com

5/23/2554

ข้าวเกรียบปากหม้อ

การทำข้าวเกรียบปากหม้อ ซึ่งเป็นของว่างของไทย ทีมีมาแต่โบราณ ทุกวันนี้เจ้าอร่อยๆ หากินยากแล้ว เป็นอาชีพที่น่าสนใจบางเจ้าทำแทบไม่ทัน บางครั้งอาจจะมีหน่วยงานต่างๆ สั่งทำทีละมาก ๆ ซึ่งบางครั้ง ทำไม่ทันกันเลยทีเดียว
แต่ต้องประมาณกำลังตัวเองไม่งั้นของจะไม่มีคุณภาพเสียชื่อ เสียลูกค้าได้ เช่นกัน อุปกรณ์ ที่ใช้ขายก้ไม่มาก ลงทุนไม่สูง โต๊ะ 1-2 ตัว ร่ม 1 คัน กลายเป็นร้านมีหลังคาแน่นหนา ละเลงแป้งลงบนผ้าที่ขึงบนปากหม้อเป็นผ้าโทเรและต้องขึงให้ตึง หม้อที่ใช้เป็นหม้อดินต้มน้ำให้เดือดไอน้ำเป็นตัวทำให้แป้งสุก เริ่มต้นง่ายๆรายได้งามๆ จากอาชีพที่คิดว่าจะลองทำเล่น ๆ เมื่อว่างจาก อาจจะกลายเป็นอาชีพหลักไปเลยทีเดียว เพราะข้าวเกรียบปากหม้อขายง่าย ข้าวเกรียบปากหม้อมีทั้งไส้แบบสาคูไส้หมู (ทั่วๆไป)กับแบบไส้ผัก (เหมือนขนมกุยช่าย)ทั้งสองแบบใช้ไส้เหมือนกัน แต่ไส้ผักมีน้ำจิ้มเหมือนที่ก็นกับขนมกุยช่ายเราลองมาดูซิว่า สูตรข้าวเกรียบปากหม้อวันนี้ มีอะไรกันบ้าง


ข้าวเกรียบปากหม้อ

ขอบคุณภาพจากayishere.com

ข้าวเกรียบปากหม้อไสัหวาน
มีส่วผสมดังนี้
หัวผักกาดเค็ม (หัวไชโป๊ว) สับ 3 กิโลกรัม
หอมแดง 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปี๊บ 3 กิโลกรัม
ถั่วลิสง 3 กิโลกรัม
รากผักชี 2๐ ราก
น้ำมันพืช 1/2 ลิตร่

วิธีการทำ
1. หัวผักกาดเค็มให้ซื้อแบบที่สับมาแล้วเพราะจะได้ไม่เสียเวลามานั่งสับเอง สับเองจะใช้เวลามากใช้
ถั่วลิสงต้องซื้อมาคัดเอง เอาเปลือกออก ยอมเลยเวลาหน่อย จะได้ถั่วทีใหม่ หอม และอร่อยกว่า เพราะถั่วที่ซื้อตามร้านบดมา
แล้วเป็นถั่วเก่าอาจจะคั่วทิ้งไว้เป็นเดือนแล้วก็ได้ ทีสำคัญถั่วเก่ามีสารก่อมะเร็ง ไม่อร่อยแถมยังอันตรายอีก
2.นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่น้ำมันเจียวหอมแดงที่หั่นกับรากผักชีตำละเอียด ผัดให้เหลือง ตามด้วยหัวผักกาดเค็ม น้ำตาลปี๊บ ใช้เวลาเคี่ยวนาน 3-4 ชั่วโมง รอจนน้ำตาลละลายและเคี่ยวจนแห้ง
ลองชิมรส เพราะหัวผักกาดเค็ม จะมีรสไม่มาตรฐาน หวาน เค็ม ไม่เท่ากันในแต่ละถุง ไส้ผัดทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำออกขาย
เพราะหัวผักกาดเค็มจะนุ่มกว่าที่จัดเสร็จใหม่ ๆ ถั่วลิสงที่คั่วไว้นำมาบุบไม่ต้องละเอียด ก่อนออกขายจึงผสม หากผสมทิ้งไว้จะทำให้ถั่วชื้นและเหนียว ไส้หวานต้องกิน
กับผักชี ผักกาดหอม พริกขี้หนู ระหว่างที่จัดเรียงใส่ถาดโรยด้วยกระเทียมเจียวที่ไม่มีน้ำมันจะหอมอร่อย ถ้ากลัว
ขนมจะติดกันเป็นพรืด เมื่อแคะขึ้พาให้แช่ในน้ำมันพืชสักครู่ แล้วนำมาวางพาชนะที่มีร่อง เพื่อให้สะเด็ดน้ำมันสะเด็ด

ข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก
ส่วนผสม
หมูสับ 500 กรัม
ผักกุยช่าย 2 กิโลกรัม
กระเทียมสับละเอียด 500 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

วธีทำ
1.นำหมูลงผัดในกระทะ หลังเจียวกระเทียมจนเหลือง จากนั้นใส่ผักที่หั่นท่อน ประมาณครึ่งเซนติเมตร
2.ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ที่ใส่เกลือแทนน้ำปลาเพราะน้ำปลาจะทำให้ผ้าแดงดูไม่น่ากิน และ
เกลือมีรสชาติดีกว่า ไส้ผักจะผัดวันตอวัน ผัดตอนเช้ามืดก่อนออกขาย หากผัดค้างคืนผักจะไม่หวาน และอาจเสีย

ส่วนน้ำจิ้มมีส่วนผสมดังนี้
ซีอิ๊วเค็ม ครึ่งขวด(ขนาด 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร)
น้ำตาลทราย 500 กรัม
น้ำส้มสายชู 2/3ขวด (ขนาด 240 มิลลิลิตร)

น้ำจิ้มที่ผสมต้องชิมรสก่อน พริกที่ใช้มีทั้งพริกชี้ฟ้าและพริกขี้หนูสวน หากต้องการเผ็ดมากให้เพี่มพริกให้
มากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องมีผักเป็นเครื่องเคียง คือถั่วงอก ไม่ต้องนำไปลวกเพียงแต่วางบนปากหม้อแล้วใช้ฝา
ครอบ ประมาณ ครึ่งนาที จะได้ถั่วงอกที่สุกและกรอบพอ

ส่วนตัวแป้ง แป้งทีละลายบนปากหม้อ มีส่วนผสมง่าย ๆ

ส่วนผสมตัวแป้งข้าวเกรียบปากหม้อ

1.แป้งข้าวเจ้าต่อแป้งมันสำปะหลังต่อน้ำ ในอัตรา 1:1 เมื่อละเลงบนปากหม้อต้องมีฝาครอบ หากไม่มีฝาครอบแป้งจะด้านใช้ไม่ได้ เวลาที่ใช้จะเป็นเวลาที่พอดีกันทั้งสองหม้อ
คือ แคะหม้อหนึ่งพร้อมละเลงแป้ง จะเป็นเวลาพอดีที่แป้้งของอีกหม้อหนึงใช้ได้ ฉะนั้น 2 หม้อ จะใช้ฝากครอบอันเดียว
หม้อที่ใช้เป็นหม้อดิน ต้มน้ำให้เดือด ไอน้ำเป็นตัวทำให้แป้งสุก ส่วนผ้าที่ขึงบนปากหม้อเป็นผ้าโทเร (ผ้าทีใช้ตัดเสื้อนักเรียน) และต้องขึงให้ตึง

ขนมจะน่ากินหรือไม่ ขั้นตอนการจัดวางมีส่วนอยู่มาก เหมือนกับข้าวกับปลาหากมีผักชีโรยหน้าจะดูดีกว่า
โล้น ๆ ข้าวเกรียบปากหม้อก็เช่นกัน ไส้หวานให้โรยด้วยกระเทียมเจียว แต่งหน้าด้วยผักชี ผักกาดหอม และพริก ส่วนไส้ผักให้ใช้ถั่วงอกบนถาดทับด้วยตัว
ปิดถาดด้วยพลาสติกใสป้องกันฝุ่นและดูน่ากิน

ราคาของขนมเท่ากันทั้งสองชนิดกล่องล่ะ 20-25 บาทขาดตัว ไส้หวานมี 10 ชิ้น ส่วนไส้ผัก 8 ชิ้นต่อกล่อง เพราะมีขนาดตัวใหญ่
กว่า ลูกค้าส่วนมากเป็นผู้ขับรถที่ผ่านไปมา คนละแวกนั้น และพวกข้าราชการในหน่วยราชการทีอยู่ไม่ไกล เช่น
ครูตามโรงเรียน ข้าราชการอำเภอ นักเรียน พนักงานออฟฟิศ และคนทั่วๆไป กินได้ทุกคน

5/21/2554

วิธีทำไส้กรอกอีสาน

การทำไส้กรอกอีสานขาย เพื่อเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมก็สามารถทำกันได้ทุกคน ขอให้ตั้งใจ อย่าท้อ สู้ หลายคนที่ประสบผลสำเร็จ สามารถมีเงินมากกว่า เงินเดือน แถมไม่ต้องรอเงินออกเพราะมีรายได้ให้ใช้วันต่อวัน การทำใส้กรอกอิสานนั้นมีขั้นตอนไม่ยาก สามารถฝึกฝนได้ทุกๆคน หัดทำช่วงแรกอาจจะลองผิดลองถุกอยู่บ้างแต่ต่อไปรับรองจะดีขึ้นเรื่อยๆขอให้พยายาม ขอเป็นกำลังใจสำหรับผู้ตั้งใจจริงทุกๆคน

ไส้กรอกอีสาน
ภาพจาก:http://play.kapook.com/photo/show-104085
ส่วนผสมไส้กรอกอีสาน

สูตรไส้กรอกอีสาน
ส่วนผสมไส้กรอกอีสาน
1.หมูเนื้อแดง 10 กิโลกรัม
2. หนังหมูติดมันพ 2.5 กิโลกรัม
3. กระเทียมสับ 2 กิโลกรัม (เลือกใช้กระเทียมไทยกลีบเล็ก)
4. ข้าวเหนียว 1 ชามแกง
5. ข้าวสุก 2 กก.
6. พริกไทย พอประมาณ
7. เกลือ พอประมาณ
8. ผงชูรส นิดหน่อย
9.ไส้หมู 1 กิโลกรัม

วิธีทำไส้กรอกอีสาน
1.นำไส้หมู ไปล้างทำความสะอาดให้ดี โดยกลับบ้านในออกมา ล้างเอาเมือกออกให้หมด ต้องระวังอย่าให้ไส้หมูขาด
2.นำหมูเนื้อแดง มาบดหยาบๆ ไว้ หนังหมูให้ต้มพอสุก แล้วหั่นเป็นฝอยบางๆ เตรียมไว้
3.นำกระเทียมมาสับให้ละเอียด แต่ไม่ต้องแกะเปลือกออก เพราะจะทำให้หอมมากขึ้น
4.จากนั้นให้นำเนื้อหมู หนังหมู ข้าวสุกที่แช่น้ำจนเม็ดแตกออกจากกัน กระเทียมพริกไทย เกลือ และผงชูรส มานวดรวมกันประมาณ 15-20 นาที แลัวหมักที่ไว้ประมาณ 30-40 นาที เพื่อให้ออกรสเปรี้ยว
5.พอได้ที่ ให้นำส่วนผสม มากรอกใส่ไส้หมู ที่ทำสะอาดไว้แล้ว วิธีการกรอก อาจใช้เครื่องกรอกก็ได้หากคิดจะทำเป็นอาชีพก้ควรลงทุนซื้อเครื่อง ราคาต่อเครื่องประมาณ 2,000 บาท เพราะจะช่วยทุ่นเวลาและทำใส้กรอกอิสานได้คราวละมากๆ ถ้าไม่มีเครื่องกรอกก็อาจใช้ปากขวดพลาสติก ตัดเป็นกรวย แล้วกรอกก็ได้เช่นกัน

เมื่อคุณกรอกเสร็จ อัดให้แน่นเป้นลูกๆ แล้วให้ใช้เชือกเล็กๆ ผูกเป็นระยะ ยาวตามที่ต้องการ แล้วนำไปแขวนตากลมไว้ ให้ไส้หมูแห้งตึง แล้ว
ส่งขาย หรือย่างขายได้เลย

**ข้อควรระวัง
การล้างไส้หมู ถ้าล้างไม่ดีจะทำให้มีกลิ่นจึงควรขยำกับเกลือพร้อมๆ กับขูดเมือกออก และในการใส่
กระเทียม หรือพริกไทย อย่ามากเกินไปนัก

ค่าลงทุนและราคาขาย
ส่วนผสมทั้งหมดที่บอกไว้ จะเสียคาลงทุนประมาณ 700-1,000 บาท ซึ่งจะได้ไส้กรอกอีสาน ประมาณ 13-14 กิโลกรัม ขายได้ กิโลกรัมละ 1๐๐ บาท จะเห็นชัดเลยว่า กำไรครึ่งต่อครึ่ง แต่ถ้าจะทำขายส่ง ในลักษณะนี้ไม่

เครื่องเคียงที่กินกับใส้กรอกอิสานเช่น ผักกาดหอม แตงกวา ขิงสด ขิงดอง และพริกขี้หนู


นอกจากนี้ยังสามารถทำแหนมกระดูกหมูขายควบคู่กันไปด้วยก็ได้

ส่วนผสมแหนมกระดูกหมู
1.กระดูกหมูอ่อน 5 กิโลกรัม
2.กระเทียม 1 กิโลกรัม
3.ข้าวเหนียวแช่น้ำ 1 ชามแกง
4.เกลือ 1 ถุง(ถุงละ 1 บาท)
5.ผงชูรสนิดหน่อย

วิธีทำแหนมกระดูกหมู

1.นำกระเทียมผสมกับข้าวเหนียว เกลือ และผงชูรสไปคลุกกับกระดูกหมู และตากแดดไว้ ประมาณ 1ชั่วโมง โดยใช้พลาสติกปิดพาชนะใส่ เพื่อให้เปรี้ยวเร็วขึ้น
2.นำมาย่างขายได้เลย

5/20/2554

ธุรกิจเบเกอรี่

ธุรกิจเบเกอรี่

ธุรกิจเบเกอรี่นั้นเชื่อว่าเป็นธุรกิจในฝันของใครหลายๆคน การมีร้านเบเกอรี่เล็กเป็นของตัวเอง ทำงานในร้าน ทำขนมอร่อยๆให้คนกิน ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร มีความสุขกับงานที่ทำ แต่การจะเปิดร้านเบเกอรี่นั้นต้องมีใจรักและมีฝีมือ คือต้องมีความรู้เรื่องการทำขนม ปัจจุบันนี้มีสถานเปิดสอนทำขนมมากมายให้เลือกเรียน ฝึกฝน การจะเปิดร้านเบเกอรี่จึงไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อม หลังจากเรียนทำเบเกอรี่จนได้สูตรที่พอใจแล้วเจ้าของกิจการต้องหมั่นฝึกปรือพัฒนาฝีมือตัวเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีรสนิยมหลากหลาย และไม่ต้องการความซ้ำซาก จำเจ ร้านเบเกอรี่จึงมักมีขนมวางขายหน้าร้านอยู่หลายประเภท นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ประกอบการถึงต้องเรียนรู้การทำเบเกอรี่นานาชนิด เพราะนั่นหมายถึงแต้มต่อในการสร้างรายได้และผลกำไรนั่นเอง

ธุรกิจเบเกอรี่


ภาพจากxn--b3c4bjh8ap9auf5i.th

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีความถนัดในการทำเบเกอรี่ขายเพียงชนิดเดียว อาจเลือกที่จะสร้างความหลากหลาย ด้วยการเพิ่มกิมมิคด้านอื่นๆ เข้าไป เช่น ถ้าทำขนมปัง ก็ทำขายหลายๆ ไส้ เป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค

ปัจจุบันมีโรงเรียนเปิดหลักสูตรสอนทำเบเกอรี่เป็นจำนวนมาก แล้วจะเรียนกับสถาบันไหน? หลักการง่ายที่สุดคือ พิจารณาจากประวัติและประสบการณ์ของผู้สอนว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด ตรวจสอบรายการเบเกอรี่ที่ต้องการจะทำขายว่ามีสอนหรือไม่ รวมทั้งอัตราค่าเล่าเรียน

ซึ่งเมื่อทำเป็นแล้ว ก็ยังต้องกลับมาศึกษาและฝึกฝนทำบ่อยๆ แล้วความอร่อยอันเกิดจากความชำนาญก็จะบังเกิด

โดยเฉลี่ยต้นทุนของเบเกอรี่จะตกประมาณ 50-60% เท่ากับมีกำไรประมาณ 40-50%

5/10/2554

ขายหมูสะเต๊ะ

หมูสะเต๊ะเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคนนิยมบริโภคมากๆ เพราะหมูสะเต๊ะ มีสีสันและรสชาติอร่อย หาซื้อได้ง่าย นิยมซื้อทีละหลายๆ ไม้ เพราะหมูสะเต๊ะเป็นหมูไม้เล็กๆ ทำพอดีคำ
สำหรับผู้ที่คิดจะทำหมูสะเต๊ะขาย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง ยังสามารถขายขนมปังปิ้ง เพื่อเป็นเครื่องเคียงคู่กับหมูสะเต๊ะได้อีกทางหนึ่งด้วย
การทำหมูสะเต๊ะให้อร่อยนั้น วิธีทำหมูสะเต๊ะไม่ยากอย่างที่หลายคนคิด แต่ละร้านจะมีเคล็ดลับการทำหมูสะเต๊ะ ที่แตกต่างกันออกไป เรื่องรสชาติเป็นสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน
ขึ้นอยุ่กับว่าลูกค้าจะชอบร้านไหนมากกว่ากัน หมูสะเต๊ะที่นำเสนอวันนี้ เป็นอีกสูตรหนึ่งที่มีรสอร่อย และแปลกกว่าหมูสะเต๊ะทั่วๆไป นั่นคือ "สะเต๊ะสมุนไพร"

สะเต๊ะสมุนไพร เป็นสะเต๊ะที่มีส่วนผสมของเนื้อสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ตะไคร้ มีสรรพคุณในการช่วยลดความดันโลหิตสูง และแก้ไข้
หัวหอม มีสรรพคุณในการช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด และยังช่วยขยายเส้นเลือดให้กว้างขึ้น เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้สะดวกยิ่งขึ้น
กระเทียม มีสรรพคุณในการลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด เมื่อนำวัตถุดิบที่มีอยู่มาผสมกับ เนื้อ ก็จะได้ เนี้อสะเต๊ะที่แสนอร่อย และยังสามารถปรุงเป็น สะเต๊ะไก่, กุ้ง,
เนื้อนกกระจอกเทศ และเนื้อสัตว์อี่นๆได้อีกเช่นกัน

แฟรนไชส์ซาด้าสะเต๊ะสมุนไพร
สะเต๊ะสำเร็จรูปแช่แข็ง
สะเต๊ะที่ผ่านการปิ้ง-ย่างจนสุก บรรจุใส่ภาชนะพร้อมซอสต่างๆ และนำไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เป็นขบวนการที่ทำให้ส่วนที่เป็นน้ำในอาหารแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง
อันจะทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เพื่อเก็บรักษารสชาติได้นาน สะเต๊ะที่ผ่านกรรมวิธีดังกล่าว สามารถเก็บ ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส ได้ถึง1 ปี เวลารับประทาน
เพียงตั้งทิ้งไว้ให้น้ำแข็งละลาย และอุ่นเพียง 2-3 นาที

สะเต๊ะสมุนไพรสำเร็จรูปแช่แข็งในรูปแบบแพ็ค
**ในหนึ่งแพ็คจะประกอบด้วย
- เนื้อ หรือ ไก่ สะเต๊ะ จำนวน 10 ไม้
- น้ำจิ้มสะเต๊ะ จำนวน 1 ห่อ
- น้ำอาจาด จำนวน 1 ห่อ
- น้ำหนักเนี้อสุทธิ 140 กรัม
- ราคาแพ็คละ 49 บาท

สะเต๊ะสมุนไพรสำเร็จรูปแช่แข็งสำหรับร้านอาหาร
- ในหนึ่งจานจะประกอบด้วย
- เนื้อ หรือ ไก่ สะเต๊ะ จำนวน 8-12 ไม้
- น้ำจิ้มสะเต๊ะ จำนวน 1 ถ้วย
- อาจาด จำนวน 1 ถ้วย
- ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งขื้อ

สะเต๊ะในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ งานสังสรรค์ หรืองานเลี้ยงต่างๆ
สำหรับงานเลี้ยง ต่างๆ ทางเรามีบริการส่งถึงที่ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑน สามารถโทรสั่งล่วงหน้าได้อย่างน้อย 1 วัน
ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งชื้อแฟรนไชส์ ซาด้าสะเต๊ะสมุนไพร มีรูปแบบเป็นบูทจำหน่ายสินค้า โดยมีอุปกรณ์หลักเป็นดังนี้
- บู้ทจำหน่ายสินค้า จำนวน 1 บู้ท
- เตาปิ้งไฟฟ้า หรีอ เตาถ่าน จำนวน 1 เครื่อง หรือ microwave
- เตาปิ้งขนมปัง หรือ หม้ออุ่น จำนวน 1 ชุด
- ตู้กระจก จำนวน 1 ชุด
- ตู้แช่อาหาร (option) จำนวน 1 ขุด
- ป้ายแสดงร้านค้า จำนวน 1 ขุด
- เนื้อ-ไก่ สะเต๊ะ จำนวน 2,000 ไม้
- เบ็ดเตล็ด อาทิถุง ฯลฯ จำนวน 1 ชุด
- ราคา 14,000 - 25,000 บาท

หาข้อมูลสะเต๊ะสมุนไพรเพิ่มเติมได้ที่ ซาด้าสะเต๊ะสมุนไพร
ที่อยู่ หจก. อามิตร ฟู้ด โทรศัพท์ 01-5660885

4/20/2554

ขายกล้วยทอด

ขายกล้วยทอด
กล้วยทอดนั้นเป็นขนมที่ได้รับความนิยม ขายง่าย กินง่าย อร่อย ใช้เงินทุนไม่มาก ใครๆก้สามารถขายกล้วยทอดได้ เงินเริ่มต้น ไม่เกิน 5,000บาท
อุปกรณ์ ประกอบด้วย รถเข็นคันละ 1,000-1,500 บาท อุปกรณ์อื่นๆ เช่น กระทะ เตาแก๊ส ถาด ไม้ยาว ตะแกรงพัก หรือ กระชอน กระทะทอด
เงินทุนหมุนเวียนวันล่ะ ประมาณ 1,000-1,500 บาท
ขายได้ทุกๆวัน ในแหล่งชุมชน ที่มีคนสัญจรผ่านไปมา



**ขอบคุณภาพจาก:witeetum.com

ส่วนผสมกล้วยทอด
แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม /กล้วย 10 หวี
แป้งหมี่ 500 กรัม
แป้งมัน 500 กรัม
มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
เกลือ 2 ถุงเล็ก
น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
งาขาว (ใส่เวลาจะทอดกล้วย)

วิธีทำกล้วยทอด
1.เทแป้งและส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วเติมน้ำเปล่า อย่าให้แห้งแข็งหรือเหลวเกินไป กะ
ให้พอดีเวลาที่เอากล้วยชุบแล้วไปทอดแป้งจะได้ติดกล้วยออกมาจะสวย
2.ตั้งน้ำมันในกระทะใบใหญ่พอสมควร ใส่น้ำมันพืชเกือบเต็มกระทะ พอน้ำมันร้อนก็เอากล้วย
ที่ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ หนาพอสมควรชุบแป้งลงทอด ใช้ทัพพีคอยคนเพื่อไม่ให้กล้วยติดกัน ทอดจนเหลืองสุกดีแล้ว
3.ใช้ตะแกรงตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วใส่ถาดรับประทานร้อน ๆ

**เทคนิคการทอดกล้วย
1.ควรเลือกกล้วยที่ไม่สุกจนเกินไป
2.น้ำมันทอดกล้วยต้องร้อนจัด เปิดไฟแรงในช่วงเริ่มต้น เมึ่อเริ่มใส่กล้วยลงไป ให้หรี่เป็นไฟกลาง พอกล้วยเต็มกระทะแล้วปรับไฟให้แรงขึ้น
พอกล้วยสุกเสมอกันตักขึ้น ระหว่างทีกล้วยอยู่ในกระทะใช้ไม้ยาวเขี่ยแยกกล้วย อย่าให้กล้วยติดกัน
3.กระทะ ถาดใส่กล้วย กะละมัง หมั่นดูแลให้สะอาด แวววับอยู่เสมอ อย่าให้ขะมุกขะมอมไม่น่ากิน และดูสกปรก
4.อย่าใช้ถุงกระดาษหนังสึอพิมพ์ เพราะหมึกพิมพ์เป็นอันตรายต่อร่างกายคนกิน ซึ่งในจุดนี้ลูกค้าจะระวังอยู่แล้ว ควรใช้กระดาษห่ออาหาร แล้วใส่ในถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่งจะดีกว่า
5.การกำหนดราคาขาย อยู่ที่ทำเล ถ้าต้องเสียค่าเช่าบ้านสูง นั่นหมายความวา ควรเป็นทำเลทีดี มีคนมาก ขายในราคาสูงได้ แต่ถ้าอยู่ในทำเลกลางๆ อย่าตั้งเค้าให้สูงเกินไป
6.นอกจากกล้วยทอดแล้ว ยังสามารถนำ เผือก มัน และขนมไข่นกกระทา มาทอดขายเสริมได้เช่นกัน


** ช่วงนี้น้ำมันแพง ควรคิดคำนวณต้นทุนให้ดี

4/07/2554

ขายมะม่วงน้ำปลาหวาน

เดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี มีผลไม้หลายชนิดทยอยออกมามากกว่าช่วงอื่น ๆ เป็นช่วงที ปรีดิ์เปรมที่สุดสำหรับผู้ชอบผลไม้ และผลไม้ในบ้านเรามีให้เลือกกินมากมาย คุณค่าทางอาหาร3่แพ้ผลไม้เมือง นอกแถมจะมีมากกว่าด้วยซ้ำ ฉะนั้นช่วย ๆ กันลด ละเลิก ผลไม้เมืองนอกดีกว่า เพราะยิ่งกิน เงินก็ยิ่งไหล ออกนอกประเทศมะม่วงเป็นผลไม้ระดับแนวหน้าในฤดขนี้ พอ ๆกับทุเรียน มังคุด เงาะ ลิ้นจี่ แต่สาหรับมะม่วงนั้น ออกจะพิเศษกว่าชนิดอื่น เพราะนำมาดัดแปลงกินได้หลายรูปแบบ มะม่วงน้ำปลาหวาน เป็นอีกเมนูหนึ่งที่กินกับมะม่วงได้อร่อย และสูตรนี้ รับรองว่า ทำกินได้ ทำขาย รวย จะขายเป็นอาชีพหลักหรือเสริมก็ย่อมได้


ส่วนผสมมะม่วงน้ำปลาหวาน

น้ำตาลปี๊บ 1/2 กิโลกรัม

กุ้งแห้้ง 300 กรัม

น้ำปลา๊ื่ 5 ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด

หอมแดงซอย 1 ถ้วย


วิธีทำมะม่วงน้ำปลาหวาน

กุ้งแห้้งล้างน้ำ 2 ครั้ง นำไปโขลกหยาบ ๆ หั่นพริกขี้หนู ซอยหอม นำไปแช่น้ำก่อนซอย จะได้ไม่แสบตา นำส่วนผสมทุกอย่างผสมเข้าด้วยกัน ตั้งไฟปานกลาง เคี่ยวจนกระทั่งได้ส่วนผสมน้ำปลาหวานหนืดกำลัง ดี (ชิมรสให้เค็มนำ หวานตาม) มะม่วงที่นำมากินกับน้ำปลาหวาน ควรเป็นมะม่วงเปรี้ยว จะได้รสชาติมากกว่า เช่น มะม่วงแรด มะม่วง สามฤดู พิมเสน ฯลฯ


สูตรน้ำปลาหวาน 2

วิธีทำน้ำปลาหวาน


ส่วนผสม

น้ำตาลปี๊บ 1 กก.

น้ำปลา ประมาณ 2 ทัพพี

กุ้งแห้ง 200 กรัม

น้ำเปล่าเล็กน้อย

เกลือป่นนิดหน่อย


วิธีทำ

1. นำน้ำตาล น้ำปลา น้ำเปล่า ผสมเข้ากัน แล้วนำขึ้นตั้งไฟกลางๆ

2. เคี่ยวไปจนกระทั่งน้ำตาลละลายและเดือดเป็นฟอง เคี่ยวต่ออีกสักครู่

3. ใส่กุ้งแห้งป่นลงไป คนเรื่อยๆ

4. รอคนจนกระทั่งตัวกุ้งมีลักษณะใส เหมือนซับน้ำตาลทั่วแล้ว ยกลง

5. ทิ้งไว้ให้เย็น เวลารับประทาน ซอยหอมแดง พริกขึ้หนูใส่ลงไป


**เคล็ดลับวิธีทำให้มะม่วงกรอบอร่อย เมื่อปอกแล้ว ฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วโรยหน้าด้วยน้ำแข็ง



ขอบคุณภาพจาก:http://www.oknation.net/blog/warnwarn/2011/02/12/entry-1

3/31/2554

ขายผลไม้เฉาะ

เมืองไทยมีผลไม้ที่ออกให้เรากินได้ตลอดปี อาชีพขายผลไม้เฉาะ จึงน่าสนใจเพราะถึงแม้จะมีผลไม้มากมาย แต่คนกินก็ยังต้องวการความสะดวก คือ ไม่อยากเสียเวลไปล้าง ไปหั่น เฉาะผลไม้
กินเอง ซื้อเขากินสะดวกกว่า เราจึงเห็นรถเข็นขายผลไม้ ตามท้องถนนทั่วๆไป รถเข้นจะออกขายตั้งแต่เช้า บ่ายๆตู่จากที่เคยอัดแน่นด้วยผลไม้ก็ว่างเปล่า เพราะขายดิบขายดี ยิ่งช่วงพักเที่ยงกลางวันจะเห้น
คนรุม ยืนรอคิว ซื้อกันมากมาย ถ้าไปขายตามแหล่ง ชุมชน ใกล้ออฟฟิศ สถานที่ราชการ โรงเรียน ตลาด ฯลฯ รับรองว่าขายดีแน่ๆ วันนี้จึงนำเสนอ อาชีพขายผลไม้ สำหรับคนที่อยากขายผลไม้ลองมาติดตามหาข้อมูลกันนะครับ

ข้อดีของการขายผลไม้
1.ผลไม้ขายได้ง่าย-กำไรดี
ทุกๆคนกินผลไม้กันในทุกๆวัน บางคนไม่ชอบกินของหวาน เพราะกลัวอ้วน การขายผลไม้ปอกเปลือก ตัดแบ่งขาย
แบบนี้ ได้กำไรเกือบเท่าตัวทีเดียว

2.ผลไม้ไม่ต้องเสียเวลาปรุง
ผลไม้แค่ล้างให้สะอาดปอกเปลือกก็กินได้ทันที บางชนิดไม่ต้องปอกเปลือกด้วยซ้ำ ไม่เหมือนอาหารชนิดอื่นๆที่ต้อง ปรุง หรือทำให้สุกก่อนกิน

3.คนนิยมกินผลไม้ทุกๆวัน
เพราะผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย ให้ แร่ธาตุ วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ผลไม้เป็นอาหาร 1 ชนิดในอาหารหลัก 5 หมู่ ที่คนต้องกินในแต่ล่ะวัน

4.ใช้ทุนเริ่มต้นไม่มาก
การขายผลไม้เฉาะนั้น ใช้ทุนเริ่มต้นไม่ต้องสูงมาก ซื้ออุปกรณ์จำเป้นไม่กี่อย่าง เช่น รถเข็น ตู้แช่ผลไม้ มีด เขียง ถุงพลาสติก ร่ม ครุถังใส่น้ำ เป็นต้น


สิงที่ควรจะรู้ ในการขายผลไม้ คือ
1.ต้องเข้าใจธรรมชาติของผลไม้ เราต้องรู้ว่าผลไม้บางอย่างซื้อเก็บไม่ได้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น มันแกว เพราะซื้อเก็บมันจะไม่สด ไม่น่ากิน เราจะต้องซื้อผลไม้พวกนี้วันต่อวัน
แต่ผลไม้บางอย่างท่านซื้อเก็บได้ เช่น มะละกอ แตงโม สับปะรด มันแกว

-ผลไม้บางอย่าง ต้องจับเบามือและห่อหุ้มอย่างระมัดระวังไม่งั้นผลไม้จะช้ำเสียเน่าหมด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ละมุด มะละกอ แคนตาลูป ฯลฯ

-เราจะต้องเลือกผลไม้เป็น คือเลือกผลไม้ที่ สุก หรือแก่พร้อมกิน ทำให้ได้ผลไม้ที่กินอร่อย ถ้าเลือกไม่เป็น อาจจะจะต้องหาคนที่เขาเลือกเป็นสอนให้ ต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ อันนี้ฝึกฝนกันได้

-การเลือกซื้อผลไม้ ไม่ควรเลือกซื้อจากผู้ขายเพียงเจ้าเดียว เราควรเลือกผลไม้ที่ดี ที่สุดจากผู้ขายหลายๆเจ้า และต้องทราบ แหล่งที่มีผู้ขายหลายเจ้า ด้วยว่ามีทีไหนบ้าง เช่น แถวตลาดมหานาค และตลาดที่มุมเมือง ตลาดไท ฯลฯ

-ต้องรู้ว่าผลไม้แต่ละชนิด และควรจะขยันไปเลือกซื้อก่อนผู้อื่นทุกวัน หากราคาที่ซื้อจะแพงหน่อย ก็อาจจะยอมซื้อเพื่อหวังขายคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าติดใจ


2.ต้องปอกผลไม้เป็น
คือต้องปอกผลไม้ได้เร็วตัดแบ่งเร็ว ปอกสวยตัดหั่นแบ่งผลไม้สวย ดูน่ากินขนาดเท่ากันไม่ช้ำ มีดคมไม่เฉือนเนื้อออก
เยอะเกินไป ไม่ตัดแบ่งผลไม้แล้วเหลือเศษชิ้นเล็กๆ มากเกินไป

3.ต้องรักความสะอาด
เนื่องจากผลไม้ต้องกินกันสดๆทันทีหลังเฉาะ เพราะฉะนั้น เรื่องความสะอาดจะต้องถือเป้นเรื่องสำคัญที่หนึ่ง หาก ลูกค้ากินเข้าไปแล้วเป็นอันตรายต่อ สุขภาพ
- การล้างผลไม้ ต้องล้างให้สะอาดแต่เบามือ อาจต้องล้างด้วยผ้านุ่มหรือสองน้ำผิวละเอียด อาจต้องล้าง 2 น้ำ ผลไม้ บางชนิดอาจต้องล้างด้วยด่างทับทิม หรือ เบคกิ้ง
โซดา เพื่อให้สะอาดปราศจากสารปนเปื้อนและแบคทีเรียที่จะทำให้ท้องเสีย นอกจากนี้ อุปกรณ์ต้องที่ต้องสัผสกับผลไม้โดยตรง เช่น มีด เขียง ตู้แช่ผลไม้ต้องทำความสะอาดให้ดีที่สุดในทุกๆวัน

- มือที่ใช้จับผลไม้ต้องสะอาด มีดที่ใช้ปอกผลไม้ต้องสะอาด ถัง กะลามัง ที่ใช้ และบรรจุภัณฑ์ที่จะใส่ผลไม้ ต้องสะอาด
ต้องสะอาด จัดวางบรรจุภัณฑ์ในตู้หรือในถังแช่ความเย็นทีสะอาดปราศจากแมลงวันและฝุ่น การหยิบจับเงินและทอนเงินให้จากลูกค้า จะหยิบได้แค่บรรจุภัณฑ์ผลไม้ ต้องไม่หยิบจับดัวยผลไม้ อาจจะสวมถุงมือ เพื่อป้องกัน การปนเปื้อน และต้องล้างมือ บ่อยครั้ง

4.การเก็บรักษา ให้สด
ควรมีตู้แช่ผลไม้ที่รองด้วยน้ำแข็งสะอาด มีฝาปิดมิดชิด เพื่อให้ผลไม้สด กรอบ เย็นฉ่ำ ชื่นใจ การจัดเรียงในตุ้ทำให้ดุน่ากิน ใครเห้นก้อยากซื้อ

5.การแปรรูปผลไม้
ต้องมีความรุ้เรื่องการแปรรูปผลไม้ เพราะบางครั้งอาจจะมีผลไม้เหลือขายในแต่ละวัน ก็นำมาแปรรูป เป็นผลไม้ ดอง กวน แช่อิ่ม ตากแห้ง ฯลฯ เพื่อขายให้ลูกค้าได้อีกทาง ดีกว่า ทิ้งไป เสียดายของเปล่าๆ


การแบ่งเฉาะผลไม้และตั้งราคาขาย
- สับปะรด ลูกโต เนื้อหวานฉ่ำ ลูกละ 15-30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท ต้องปอกให้สวย
- แตงโม ต้องเลือกเนื้อแดง หวานกรอบ ซื้อมาลูกละ 35-40 บาท แบ่งขายได้ 8 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท
- แคนตาลูปเนื้อเหลืองหวานและหอม ขายเป็นกิโล 25-30 บาท จะแบ่งขาย 2 ซีก ซีกละ 33 บาท
- ละมุดปอกเลือกและตัดแบ่งขาย ตั้งราคาขายที่ถุงละ 20 บาท กำไรเท่าตัว
- ฝรั่งแก่จัด สดกรอบหวาน อร่อย กิโลละ 20-30 บาท จะเฉาะใสถุงขายได้ 6 ถุง ถุงละ 10 บาท
- มะละกอแขกดำเนื้อแน่นหวานสีแดงส้ม ลูกละ 20-30 บาทจะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท
- ชมพู่ องุ่น มันแกว ซื้อมาเป็นกิโล แบ่งขายถุงละ 10 บาท ได้กำไรเท่าตัว

*** ผลไม้จะมีช่วงราคาขึ้นลงตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับช่วงที่ออก หรือฤดูกาลของผลไม้ เราต้องบริหารจัดการให้ดี และรู้แหล่งซื้อผลไม้ที่ดี เพื่อคัดคุณภาพผลไม้เกรดดี ราคาถูก
ก็จะทำให้ขายได้ราคาดี

3/18/2554

ขายขนมครก

ขนมครก

ช่วงตอนเช้าๆ ส่วนใหญ่เราจะเห็นเขาขายปาท่องโก๋กันแต่อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยนั้นคือ ขนมครก ซึ่งก็ขายง่ายไม่แพ้ปาท่องโก๋เลย ลงทุนก็ไม่มาก แล้วยังได้กำไรเยอะอีกต่างหากในบทนี้จะขอนำเสนอ สูตรการทำขนมครก มาฝาก ขนมครกจึงน่าสนใจ ขนมครกนั้นมี หลายสูตร หลาย หน้าแต่วันนี้เอาสูตรการทำขนมครกแบบดั้งเดิมมาให้ทดลองทำกัน แล้วค่อยต่อยอด เพิ่มหน้าเพิ่มไส้ได้เอง ใครที่กำลังอยากทดลองขายขนมครกอยู่ล่ะก็ ตามาเลยครับ



ขนมครกสูตรดั้งเดิม
ส่วนผสม
แป้งขนมครกข้าวสารข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
ข้าวสุก 2 ถ้วย
มะพร้าวขูด 112 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำแป้งขนมครก
ตั้งน้ำร้อนให้เดือดแล้วเทลงไปแช่กับข้าวสารทิ้งไว้จนเย็น
เอาข้าวสารที่แช่ไว ผสมกับข้าวสุก มะพร้าว เกลือป่น แล้วน้ำไปโม่ให้ละเอียด

ขนมครกส่วนผสมหน้าขนมครก
กะทิ 5 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
เกลือป่น 2 ช้อนชา

วิธีทำหน้าขนมครก
นำกะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่น ตั้งไฟขึ้นให้เข้ากันจนกว่า
น้ำตาล จะละลาย

วิธีหยอดขนมครก
นำกะทะทำขนมครกตั้งไฟให้ร้อนทาด้วยมันหมูแข็ง และหยอดตัวแป้งขนมครกประมาณครึ่งฝา แล้วจะใส่ใบต้นหอมลงไป ปิดฝาประมาณ 1 นาที พอเนื้อขนมครกแห้ง (เร็วหรือช้านั้นแล้วแต่ไฟที่เราตั้งไว้)
แล้วจึงเต็มหน้าขนมครกลงไป รออีกประมาณ 5 นาที แล้วใช้ช้อนแคะขนมครก จัดให้เป็นคู่ๆ
ใส่กล่องเตรียมขายได้ ชุดล่ะ 20-30 บาทแล้วแต่หน้าที่เราใส่


ขอบคุณภาพจาก dek-d.com และ lks.ac.th

3/08/2554

ขายข้าวโพดคลุกเนย

ข้าวโพดคลุกเนย



ข้าวโพดคลุกเนย เป็นของกินเล่นที่หลายๆ คนชอบ ข้าวโพดนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีเยื่อไยมาก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ข้าวโพดคลุกเนย สามารถขายได้ตลอดทั้งปี เป็นของกินเล่นที่ทำง่าย ขายง่าย ราคาไม่แพง หาทำเลดีๆ ตลาดนัดเปิดท้าย หรือ สวนสาธารณะ โรงเรียน ตลาด ปากซอย ก็สามารถตั้งโต๊ะขายกันได้
ข้าวโพดคลุกเนย สามารถเรียกลูกค้าได้ด้วยตัวมันเอง คือมีกลิ่นหอม ใครเดินผ่าน ต้องหันมอง และอยากลองลิ้มชิมรสของข้าวโพดอบเนยร้อนๆ อย่างแน่นอนขายข้าวโพดคลุกเนยเป็นงานง่าย ๆ สามารถทำกำไรได้วันละ 300-400 บาทขึ้นไป สามารถทำเป็นอาชีพเสริมหลังจากเลิกงาน ก็ได้ ข้าวโพดคลุกเนยจึงน่าสนใจ


อุปกรณ์ที่ใช้ทำข้าวโพดคลุกเนย
-เตาแก๊สสปิกนิก ,หม้อต้มข้าวโพด หรือกระทะไฟฟ้า อ่างเล็กสำรับคลุกข้าวโพด ทัพพี ,ทิชชู ,หนังยาง
- ข้าวโพดหวาน ยกถุง 10 กิโลกรัม ราคา 80- 100 บาท/ ถุง (ขึ้นกับฤดูกาล)
- เนยเค็ม ก้อนละประมาณ 70 บาท
- นมสดกระป๋อง กระป๋องละ 20 บาท
- น้ำตาลทรายขาว กิโลกรัมละ 24 บาท
- แก้วพลาสติกเล็ก 4-6 ออนซ์ ราคาแถวละ 25-30 บาท
- ช้อนพลาสติก ราคา 10-15 บาท
- สามารถทำขายได้ 40 แก้ว

ข้าวโพด 10 โล ขายแก้วละ 15 บาท จะได้ 600 บาท ซึ่งคุณมีต้นทุน อยู่ที่ 250 บาท
- เมื่อคุณหักต้นทุนแล้วเราจะได้กำไรประมาณ 350 บาท/ข้าวโพด 10 กิโลกรัม

วิธีทำ ข้าวโพดอบเนย
-แกะเอาเปลือกออก แล้วแกะเอาแต่เม็ดข้าวโพดออกมา อาจแกะเม็ดข้าวโพดก่อนแล้วค่อยต้มหรือต้มข้าวโพดทั้งฝักแล้วค่อยแกะเม็ดออก ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน ขณะที่ต้มข้าวโพด ให้ใส่เกลือป่นลงไปด้วยเล็กน้อย
ข้าวโพดคลุกเนย- เมื่อได้เม็ดข้าวโพดที่ต้ม และแกะเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ใส่หม้อเอาไว้แล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางไว้
- เมื่อจะทำการขาย ให้นำหม้อที่เต็มไปด้วยเม็ดข้าวโพดที่คลุมผ้าไว้ ตั้งไฟ และเติมน้ำเล็กน้อย ใช้ไฟอ่อนมากๆ เพื่อทีจะให้ข้าวโพดส่งกลิ่นเรียกลูกค้า และให้ข้าวโพดร้อนอยู่ตลอดเวลา
- เมื่อมีลูกค้ามาสั่ง ให้คุณตักข้าวโพด 2 ทัพพีใส่ลงไปในหม้อที่มีด้ามจับ แล้วตักเนยใส่ 1 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- แล้วเติมน้ำตาลทราย 1/2 ช้อนกินข้าว พร้อมกับตักนมสดใส่ลงไปประมาณ 2-3 ช้อนกินข้าว เหยาะเกลือป่นเล็กน้อย แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
- เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เทใส่แก้วพลาสติด พร้อมใส่ช้อนพลาสติกลงไป ใช้กระดาษทิชชูและหนังยางรัดแก้ว กันร้อน ส่งให้

การตั้งราคาขายข้าวโพดคลุกเนย
** ขายแก้วละ 15-20 บาท แล้วแต่ขนาดของแก้ว


ขอบคุณภาพจาก thaimtb.com,

2/04/2554

แพนเค้กการ์ตูน ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว

ถ้าจะกล่าวถึงธุรกิจอาหาร อย่างไรก็ขายได้เพราะคนก็ต้องกินเข้าไปทุกวัน หากสนใจในธุรกิจอาหารแต่ทำไม่เป็นล่ะก็ ไม่ยากเลย ทุกวันนี้มีแฟรนไชส์อาหารมากมายให้เราเลือกลงทุน ยิ่งระบบแฟรนไชส์ดี อาหารน่ากิน ความเป็นไปได้ในการทำกำไรเป็นกอบเป็นกำยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากสนใจธุรกิจขนมอร่อยๆ หอมนุ่ม ทำง่าย ขายง่าย อยางแพนเค้กการ์ตูนแล้วล่ะก็ วันนี้มีนำมาเสนอ..








วันนี้ขอเสนอแฟรนไชส์ “แพนเค้กอร่อยจัง” ชื่อแฟรนช์เก๋ๆ มีที่มาจากคุณโอปอ ทองคำ ผู้ยึดอาชีพขายแพนเค้กมากกว่า 5 ปี แพนเค้กของพี่โอปอ ออกจะสวยล้ำกว่าเจ้าอื่นๆ เพราะวาดเป็นตัวการ์ตูนหลายๆ ตัวที่เราคุ้นเคย เช่น โดเรม่อน คิตตี้ อุลตราแมน เคโระ ฯลฯ ไอเดียแนวๆ นี้
ขนมแพนเค้ก

“ผมเริ่มขายแพนเค้กเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วครับ มันเริ่มจากการที่ผมไปยืนดูคนทำแพนเค้กประมาณ 5 ปี ที่แล้วครับมันเริมจากการที่ผมไปยืนดูคนทำแพนเค้กรูปการ์ตูนเสียบไม้ขายในตลาดที่จังหวัดมหาสารคาม ผมก็มานั่งคิดดูว่าถ้าเราทำให้สวยกว่านี้ มันจะขายได้ราคากว่านี้ไหมนะ จากนั้นผมก็ไปยืมเตาขนมเครปจากคนรู้จักกัน ส่วนสูตรทำขนมแพนเค้กผมก็ถามเข้าบ้าง แล้วก็ดูสูตรจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นก็มาฝึกวาดแพนเค้กเป็นตัวการ์ตูนเองที่บ้าน ลองผิดลองถูกอยู่ 3 วัน ก็เริ่มออกขายโดยใช้เตาขนมเครป ขายชิ้นละ 5 บาทเท่ากัน ปรากฏว่าขายดีมาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็ก เพราะผมไปขายตามโรงเรียนและตลาดนัด เรียกว่าวันแรกลูกค้าก็ต่อคิวยาวเลยล่ะ เพราะเตาเครปทำ แพนเค้กได้แค่ทีละชิ้น พอเห็นลูกค้าเยอะผมก็มั่นใจแล้วว่าต้องขายดีแน่นอน จึงลงทุนซื้อขนมแพนเค้ก คราวนี้ทำได้ทีละ 8 ชิ้น ลูกค้าก็มีตั้งแต่เด็กอนุบาล ไปจนถึงมัธยมต้นเลยครับ ถ้าเด็กมากๆ ก็จะสั่งแพนเค้กรูปปู รูปปลา แต่ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อยรู้จักดูการ์ตูนแล้วก็จะสั่งแพนเค้กรูปการ์ตูน เช่น คิตตี้ อุลตราแมน โดเรมอนนี่ยอดฮิตมากๆ”


เมื่อกิจการทำท่าจะไปได้ดี พี่โอปอก็ปรับราคาแพนเค้กการ์ตูนขึ้นมาเป็นตัวละ 10 บาท พร้อมกับคิดแผนการตลาดต่างๆ เช่น การทำป้ายหน้าร้านที่สะดุดตาถูกใจเด็กๆ ขนาดของแพนเค้กการ์ตูนชิ้นใหญ่กว่าร้านอื่น และมีการเพิ่มลวดลายการ์ตูนให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงพัฒนาสูตรแพนเค้กให้อร่อยลงตัว โดยคำนึงถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็คือเด็กๆ พี่โอปอ จึงเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และไม่ใส่สี
“พอทุกอย่างเริ่มลงตัว ผมก็เริ่มคิดถึงการขายแฟรนไชส์ เพราะเมื่อผมไปตั้งร้านขายตามตลาดนัดมีคนเข้ามายืนดูเขามาถาม ก็เลยเริ่มวางแผนการทำแฟรนไชส์แพนเค้กอร่อยจังขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว... โดยตั้งเป้าหมายสำหรับผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์ว่า...ถ้าคุณกำลังมองหาธุรกิจที่ลงทุนน้อย กำไรสูง ขายง่าย ไม่มีเสี่ยงขาดทุน คืนทุนเร็วภายใน 1 เดือน แฟรนไชส์แพนเค้กอร่อยจังตอบโจทย์คุณได้”
พี่โอปอเล่าถึงการทำตลาด หาลูกค้าแฟรนไชส์ในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่ซับซ้อน เพราะเขาจะลงมือไปขายตามตลาดที่มีคนเยอะ พอเริ่มมีคนเข้ามาถามเขาก็แนะนำแฟรนไชส์ พร้อมแนบเอกสารรายละเอียด ให้ไปศึกษา


“บางคนวาดรูปไม่เป็นคงสงสัยว่าจะทำได้ไหม เมื่อซื้อแฟรนไชส์ไปแล้ว ผมจะสอนให้ 3 วันเต็มๆ เลยครับ สอนวาดการ์ตูน สอนผสมแป้งแพนเค้ก รวมถึงรายละเอียดในการตกแต่งหน้าร้านต่าง ๆ จนกว่าจะเป็นและออกขายได้ นอกจากนี้ผมยังมีการทำเป็นวิดีโอสาธิตให้ลูกค้านำกลับไปเปิดดูได้ หากติดขัดตรงไหนที่ไม่เข้าใจ ก็สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้ตลอดเวลาเช่นกัน และผมยังได้ทำการอัพเดทแบบตัวการ์ตูนใหม่ๆ ส่งให้ลูกค้านำไปขายได้ รวมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องทำเลที่ขาย การทำโปรโมชั่น เช่น ซื้อแพนเค้ก 10 ชิ้น นำมาแลกพวงกุญแจได้ หรือทำบัตรสะสมแต้ม และมีการทำแพนเค้กอร่อยจังสูตรใหม่ มอลต์ผสมนมโค อร่อยมีประโยชน์ กินได้ทุกวัน เวลาไปออกขายตามตลาดก็จะมีสปอร์ตโฆษณาเพื่อเน้นให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ แพนเค้กอร่อยจัง ของเราได้”


พี่โอปอบอกว่าเงื่อนไขเล็กๆ สำหรับแฟรนไชส์แพนเค้กอร่อยจัง คือ ลูกค้าจะต้องสั่งแป้งจากเจ้าของแฟรนไชส์อย่างที่โอปอขายเท่านั้น เพื่อรักษาคุณภพ และมาตรฐานของแพนเค้กอร่อยจังให้อร่อยเหมือนกันทุกร้าน ว่าแล้วก็บอกอีกว่า ตอนนี้มีลูกค้า 7 ราย ขายแพนเค้กอร่อยจังที่ จ.มหาสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.เพชรบูรณ์ ขายไม่กี่วันก็คืนทุนแล้ว...
แฟรนไชส์ แพนเค้กการ์ตูนอร่อยจัง อีกหนึ่งอาชีพที่น่าไปได้สวย เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก สำหรับใครที่คิดอยากมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง
เริ่มต้นได้แล้ววันนี้
**ข้อมูลกการลงทุน
-ค่าแฟรนไชส์ 16,900 บาท อบรมการทำขนม จะได้ร้านและอุปกรณ์การขายครอบชุดกว่า 30 รายการพร้อมขายทัน


***เงื่อนไข
ต้องใช้แป้งของแพนเค้กอร่อยจังเท่านั้น เพื่อรักษามาตรฐานผลตอบแทน แป้งแพนเค้กเมื่อผสมตามสูตร ต้นทุนพร้อมขายถุงละ 125 บาท ขายชิ้นละ 10 บาท ทำได้ 40-45 ตัว จะได้เงินประมาณ 450 บาท
หักค่าแก๊ส หรือค่าไฟ + ถึง +กระดาษรอง+แยม ประมาณ 20 บาท กำไรต่อถุง 450-125-20 = 305 บาท
อยากมีรายได้ 600 บาท / วัน ใช้แป้ง 2 ถึง อยากมีรายได้ 1000 บาท/วัน ใช้แป้ง 4 ถุง


**หมายเหตุ
ต้องขายให้หมดถึงจะได้ยอดตามเป้า แป้งที่ผสมแล้วขายไม่หมดก็นำมาแช่ตู้เย็นเอาไว้ไม่เสีย พรุ่งนี้นำกลับมาขายใหม่ได้
สนใจธุรกิจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณโอปอ ทองคำ โทร. 087-864-6046 และทางอีเมล์ op-tk@hotmail.com

1/20/2554

ซาลาเปาทอด

ซาลาเปาทอด
ซาลาเปาถือว่าเป็นหนึ่งในอาหารของชนชาติจีน ที่คนทั่วไปต้องเคยรับประทานกันบ่อยๆ
โดยเฉพาะคนไทยจะนิยมรับประทานกันทั้งในแบบเป็นอาหารว่าง หรือบางทีถ้ารับประทานเป้นอาหารมื้อหลักไปเลยก็มีวันนี้เราจะมาพูดกันถึง "ซาลาเปาทอด" ซึ่งเป็นการดัดแปลงซาลาเปามาทอดเป็นอาหารว่างที่แปลกปแตกต่างจากซาลาเปาทั่วๆไปที่เราเคยทานกัน

อุปกรณ์ในการทำซาลาเปาทอด
เตาแก๊ส กระทะ สำหรับทอดซาลาเปา โต๊ะ ตาชั่งขนาดเล็ก. ถ้วยตวง ที่ตัดแป้ง
ผ้าขาวบาง. ที่ร่อนแป้ง. เครื่องตีแป้ง เครื่องปั่น ถาคอะลูมิเนียม. หม้อ


ส่วนผสมแป้งซาลาเปา
แป้งสาลีเกรดเอ
น้ำมันพืช
น้ำอุ่น
หัวเชื้อ
ไข่ไก่.
น้ำตาลทราย
ยีสต์แห้ง
เกลือ
เนยขาว

วิธีทำแป้งซาลาเปา
1.เริ่มจากเตรียมแป้ง 1 กก. แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 700 กรัม
ร่อนให้ละเอียด และแป้งส่วนที่สอง 300 กรัม ผสมกับผงฟู 2 ช้อนชา ร่อนให้ ละเอียด แล้วคลุมด้วยผ้าขาว พักไว้สัอครู่ นำแป้งส่วนแรกผสมกับยีสต์ 2 ช้อนชา น้ำสะอาด 1 1/2 ถ้วยตวง

2.ตีด้วยเครื่องตีแป้ง ใช้ความเร็วปานกลางใช้เวลาในการตีประมาณ 15 นาที สังเกตดูว่าแป้งผสมเข้ากับน้ำและยีสต์ดีแล้ว ก็ถือว่าใช้ได้ เสร็จแล้วนำแป้งที่ได้ใส่ภาชนะคลุมด้วยผ้าขาวบาง ตั้งพักไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิห้องพอดีๆ ไม่ร้อน-ไม่เย็นเกินไป

3.ขั้นต่อไป เอาแป้งส่วนแรกมาผสมกับส่วนที่สอง ใส่ไข่ขาว 1 ฟอง น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ตีส่วนผสมให้เข้ากัน ประมาณ 30 นาที จับแป้งดูว่าเหนียวพอดีแล้ว จึงนำไปแช่ในตู้เย็นนานประมาณ 3 ชั่วโมง

4.เสร็จแล้วนำแป้งออกมาวางลงในถาดอะลูมิเนียมที่ทาด้วยเนยขาวแล้ว นวดแป้งด้วยมือให้แป้งเนียน ใช้ที่ตัดแป้งตัดออกทีละแถว แล้วตัดอีก ครั้งเป็นชิ้นๆ ตามต้องการ การตัดเหมือนกับการตัดแป้งปาท่องโก๋
ใช้มือคลึงแป้งบนถาด น้ำหนักมือต้องไม่หนักและเบาเกินไปไม่ฉะนั้นแป้ง จะออกมารูปทรงไม่สวยงาม

การทำไส้ซาลาเปา
ใส้ซาลาเปาที่นิยมกันมีหลายไส้ มีไส้หมูสับ ไส้เผือก ไส้ถั่วแดง ไส้ถั่วเหลือง ไส้ครีม และ
ไส้สังขยา ฯลฯ

1.ไส้หมูสับ
ส่วนผสม
หมูสับ 1 กก.
มันแกวหั่นฝอย 70O กรัม
กระเทียมบด 100 กรัม

วิธีทำ
1.นำส่วนผสมลงผัดในกระทะ
2.ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย 7 ช้อนโตะ. ซีอิ๊วขาว 10 ช้อนโต๊ะ. ผงปรุงรสหมูนิดหน่อย พริกไทยป่ษ ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้แห้ง แล้วนำขึ้นพักไว้สักครู่

2.ไส้ครีม
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 250 กรัม
มาการีน 200 กรัม
แป้งสาลี 75 กรัม (ร่อน2ครั้ง)
นมผง 500 กรัม
นมสด 50 กรัม
แป้งคัสตาร์ด 500 กรัม
ไข่ไก่ 4 ฟอง
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
โดยนำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่หม้อตุ๋น กวนจนกระทั่งส่วน
ผสมเหนียวปั้นได้ ยิ่งลงพักไว้ให้เย็น

การปั้นซาลาเปา
1.ให้นำแป้งซาลาเปาที่แบ่งไว้เป็นก้อนๆ มาแผ่ออกเป็นแผ่นกลมๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2นิ้ว หรือขนาดตามต้องการ
2. ตักไส้ทีเตรียมไว้ตามใส่ลงตรงกลางแผ่นแป้ง แล้วค่อยๆห่อแป้งเข้ามารวมกันให้มิดไส้ คลึงให้เป็นลูกกลม ๆ แล้ววางลงบนกระดาษขาวที่เตรียมไว้ ตั้งพักไว้ประมาณ 1 ชัวโมง เพื่อให้แป้งขึ้นตัว 3.จากนั้นจึงนำไปใส่ลงถึงนึ่งประมาณ 15 นาที

วิธีการทอดซาลาเปา
เวลาทอดให้ใส่น้ำมันพืชเยอะๆ ลงในกระทะ
ใช้ไฟแรงปานกลาง ทอดครั้งละ 10 ลูก ใช้กระชอนคอยคนอยู่
ตลอด พอซาลาเปามีสีเหลีองกรอบก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
ก็พร้อมจะจำหน่ายให้ลูกค้าได้

ตั้งราคาขายลูกละ 5 บาท

การลงทุนเบื้องต้น
ทุน: ไม่เกิ 1o,ooo บาท (รวมราคาเตาแก๊ส และโต๊ะที่ใช้วางขาย)
. เงินทุนหมุนเวียน : ใช้ซื้อวัตถุดิบประมาณ 700 บาท (คำนวนจากซาลาเปาทอด 200 ลูก)
. ต้นทุน/ชิ้น : ซาลาเปาทอด ลูกละ 3.50 บาท
. รายได้ : ชาลาเปาทอด ลูกละ 5 บาท
. กำไร : ประมาณ 30%

ทำเลในการขายตามแหล่งชุมชน ตลาดนัดใกล้บ้าน หรือเปิดท้าย ใกล้โรงเรียน สถานศึกษา ฯลฯ

**ข้อควรระวัง
-เรื่องการทอด อย่าให้ไหม้ เพราะซาลาเปาทอดจะไหม้ง่าย
-คิดคำนวณเรื่องต้นทุนน้ำมันในการทอดให้ดีเพราะน้ำมันแพง หากทอดซ้ำบ่อย อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพผู้บริโภค

ผู้คนยังคงชอบรับประทานอาหารเเปลกใหม่ ซึ่งเดิมชอบทานซาลาเปานึ่ง ดังนั้นตลาดซาลาเปาทอดจึงเป็นของแปลก และยังคงเปิดกว้างอยู่ น่าสนใจใจหากจะหารายได้เสริม ช่วงหลังเลิกงาน